นายกมลดิษฐ สมุทรโคจร รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) ระบุว่า แม้สถานการณ์ค่าครองชีพจะพุ่งสูงขึ้นจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และสภาพของเศรษฐกิจ รวมไปถึงต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จนทำให้หลายๆ แบรนด์ต้องปรับราคาสินค้าให้ขึ้นตามไปด้วย
"คาราบาว" ก็ประสบกับภาวะต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนด้านพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบ เช่น น้ำตาล ต่างก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในฐานะแบรนด์ดังระดับโลกที่มีโรงงานผลิตของตัวเองอย่างครบวงจร มีหน่วยงานดูแลธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจรดปลายน้ำ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายและยืนราคาขายปลีกได้ที่ 10 บาทเท่าเดิม โดยเพิ่มคุณค่าด้วยวิตามินบี 12 สูงถึง 4 เท่า ซึ่งถือเป็นปริมาณวิตามินบีที่สูงที่สุดในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของคนไทย และยังเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น
"ท่ามกลางเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์อื่นๆ ที่ทยอยปรับราคา แต่เราขอสู้ต่อไป เพื่อให้คนไทยได้ดื่มคาราบาวในราคา 10 บาทไว้ให้ได้นานที่สุดจนกว่าจะคงราคาเดิมไม่ไหว" นายกมลดิษฐ กล่าว
นอกจากนั้น ยังจะจัดแคมเปญผนึกกำลังกับสื่อยักษ์ใหญ่ไทยรัฐทีวีมอบโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ของปี "บาวแดงช่วยคนไทยสร้างอาชีพ ปี 2 แจกมอไซค์ทุกวัน แจกล้านทุกเดือน" แจกมอเตอร์ไซค์ทุกวัน 100 วัน 100 คัน แจกล้านทุกเดือน ส่งฝาชิงโชคที่ซีเจซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านถูกดี มีมาตรฐาน และร้านค้าที่ร่วมรายการ ประกาศผลทุกวันทางรายการตะลอนข่าว ช่องไทยรัฐทีวี 32 เวลา 09.30 น. เริ่มประกาศผล 28 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ส่งได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ? 31 กรกฎาคม 2566
และเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ระดับโลก บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ "Sport Marketing" ในฐานะผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอล "คาราบาวคัพ" ที่ประเทศอังกฤษอย่างเป็นทางการ (World Class Sponsorship) โดยเดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาด ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันคาราบาว คัพ ซึ่งจะมีรอบชิงชนะเลิศระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พบ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 นี้
ส่วนกลยุทธ์การตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ไฮไลต์สำคัญคือ การส่งทีม "สาวบาวแดง" ที่จะกลับมาเต็มรูปแบบ โดยถือเป็นอาวุธสำคัญลงพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้กับร้านค้าทั่วประเทศ ด้วยทีมงานภาคสนามมากกว่า 1,500 คน พร้อมมุ่งสร้างการบอกต่อจากพื้นที่สู่ช่องทางออนไลน์ ทั้งกลุ่มเป้าหมายเดิมของคาราบาวแดง ในกลุ่ม Blue Collar คนใช้แรงงาน รับจ้างทั่วไป คนค้าขาย ฯลฯ อายุ 30-50 ปี และกลุ่มเป้าหมายใหม่ในกลุ่ม White Collar ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และพนักงานออฟฟิศทั่วไป อายุ 20-35 ปี ที่จะขยายเข้าไปมากขึ้น
"จากโปรโมชั่น บาวแดงช่วยคนไทยสร้างอาชีพ ปี 2 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ รวมทั้งตอกย้ำด้วยกลยุทธ์ Sport Marketing ที่ดำเนินมาอย่างเข้มข้น กิจกรรมการตลาดที่ครบเครื่อง รวมถึงการยืนหยัดราคาสินค้าที่ 10 บาทเท่าเดิม มั่นใจว่าจะเป็นตัวผลักดันส่วนแบ่งการตลาดของ คาราบาวแดง ให้สามารถเป็นผู้นำของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศไทยได้ในสิ้นปีนี้" นายกมลดิษฐ กล่าว