นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า ปี 66 เป็นปีที่ท้าทายในการขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ซื้อที่อยู่อาศัยภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย LPN กำหนดให้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดีตามแนวคิด "Transform for Better Living" เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนทุกวัย และขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นผ่านการพัฒนาและการออกแบบที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในทุกระดับ เพื่อสร้างรายได้รวม 5 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปี 65-69 ตามแผนโรดแมป 5 ปี
"ปีนี้ผมหวังจะมุ่งให้ LPN กลับมายืนได้อย่างโดดเด่นในกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง หลังจากที่เราห่างหายไปค่อนข้างนาน จากการเดินหน้าของกลยุทธ์ในรูปแบบใหม่ของเราที่จากนี้ไปเราปรับไปจุด Focus ในหลายจุดมากขึ้น จากเดิมที่เรา Focus เฉพาะกลุ่มคอนโด Affordable ซึ่งการกระจายจุด Focus หลายจุด หากจุดใดมีปัญหาก็จะมีจุดอื่นเดินต่อไปได้" นายโอภาส กล่าว
การก้าวสู่มิติใหม่จะยึดความต้องการของลูกค้า (Customer Insight) เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาองค์กรเป็นสำคัญ LPN จึงมุ่งมั่นตั้งใจสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ของแบรนด์ "168" รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการภายในให้สามารถกระจายรายได้อย่างสม่ำเสมอ และมีการเติบโตของกำไรอย่างน้อย 10% ต่อปี ตามแผนการขับเคลื่อนองค์กร ?Turnaround" ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 65 ต่อเนื่องมาถึงปี 66 ประกอบด้วย 1. Corporate Transformation หลังจากที่ได้มีการแยกโครงสร้างการบริหารบริษัท แอล.พี.พี.พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) เป็นอิสระในปี 65 โดย LPN ยังคงถือหุ้น 100% จึงดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการพัฒนาอาคารชุดและบ้านพักอาศัยอย่างครบวงจรในทุกระดับราคา เพื่อตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อในทุกกลุ่มเป้าหมาย
2. Management Transformation ในปี 65 จัดโครงสร้างการบริหารภายในสู่การบริหารในรูปแบบของหน่วยธุรกิจ (Business Unit) จาก 4 หน่วยธุรกิจ ที่ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัยกลุ่ม Value บ้านพักอาศัยกลุ่ม Premium และธุรกิจเช่าอาศัย โดยในปี 66 จะเพิ่มเป็น 5 หน่วยธุรกิจ โดยเพิ่มหน่วยธุรกิจเพื่อพัฒนาบ้านพักอาศัยกลุ่ม Value อีก 1 หน่วย เพื่อสอดคล้องกับแผนการขยายงานและเพิ่มยอดขายจากการขายคอนโดมิเนียมพร้อมผู้เช่าผ่านงานบริการและการปล่อยเช่า เพื่อตอบโจทย์การขายนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก แต่ยังคงมีความเสี่ยงต่ำจากการบริหารงานอย่างมืออาชีพจาก LPN
3. Project Development Transformation ในปี 66 วางแผนพัฒนาโครงการที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการภายใต้แบรนด์ ?168? ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเป็นที่พักอาศัยภายใต้แนวคิด "น่าอยู่" (Livable Community) ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักของการสร้างสรรค์โครงการต่างๆ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าในปัจจุบัน อาทิ การติดตั้ง EV Charger และ Solar Cell ในทุกโครงการ พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตบนทำเลศักยภาพ
4. Digital Transformation ตั้งเป้าบริหารจัดการองค์กรแบบ "Fully Digital Organization" ในทุกหน่วยงานให้สมบูรณ์แบบภายในปี 67 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน พร้อมทั้งสนับสนุนงานด้านการตลาด การขาย รวมไปถึงด้านการออกแบบและการบริการ รองรับการสร้างฐานลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในหลากหลายช่องทาง และตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันและอนาคต
5. Brand Transformation ในปี 66 นี้จะเป็นปีแห่งการขยายการรับรู้และสร้างประสบการณ์ใหม่ของ LPN ทั้งกลุ่มเป้าหมายเดิมและขยายสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ในฐานะผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพมาตลอด 34 ปี โดยล่าสุดบริษัทได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่เมื่อเดือนต.ค. 65 เป็นการปักหมุดใหม่ และในปีนี้ยังพร้อมเปิดโอกาสในการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าทางธุรกิจ (Collaboration & Partnership) ในด้านต่างๆ เพื่อเสริมสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการปรับรูปแบบการทำงานภายในองค์กร ได้แก่ วิธีการทำงานที่สร้างแรงจูงใจให้พนักงานได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์โดยยึดความต้องการลูกค้าเป็นหลัก และพร้อมดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้าร่วมงาน
ภายใต้การปรับกลยุทธ์องค์กรดังกล่าว LPN ได้วางเป้ารายได้รวมปี 66 ที่ 7.6 พันล้านบาท เติบโต 20% จากปี 65 โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท ภายใต้แบรนด์ "168" แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 5 พันล้านบาท และบ้านพักอาศัย 13 โครงการ มูลค่า 9 พันล้านบาท พร้อมเปิดพรีเซลล์ 3 โครงการ ได้แก่ ที่พักอาศัยระดับพรีเมี่ยม ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์ / Maison 168 เมืองทอง และ Villa 168 เวสต์เกต พร้อมกันในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้
นอกจากนี้จะมีกำหนดเริ่มส่งมอบโครงการในปี 66 จำนวน 14 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 และลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (เฟส 3) และบ้านพักอาศัย 12 โครงการ ได้แก่ Residence 168 ราชพฤกษ์, Residence 168 อ่อนนุช 46, Maison 168 เมืองทอง, Villa 168 เวสต์เกต, Venue 168 เวสต์เกต, Venue 168 คูคต สเตชั่น, Venue 168 ราชพฤกษ์, Haus 168 เวสต์เกต, Haus 168 คูคต สเตชั่น, Haus 168 ราชพฤกษ์, และโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ