นายดำรงค์ เกษมเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ชินแซทเทลไลท์ (SATTEL) คาดว่า ในปี 51 บริษัทจะมีรายได้จากการขายและบริการเติบโตกว่า 20% จากปี 50 ที่มีรายได้ จำนวน 6.4 พันล้านบาท (ไม่รวมรายการพิเศษ) มาจากการเติบโตธุรกิจดาวเทียมที่คาดว่าเติบโต 5-10% และ ธุรกิจไอพีสตาร์คาดจะเติบโตประมาณ 100% รวมทั้งการเติบโตจากบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เชนนิงตัน จำกัด(ซึ่งบริษัทถือหุ้น 51%) ที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 30% และ บมจ.ซีเอสล็อกอินโฟ (CSL) (ซึ่งบริษัทถือหุ้น 43%) ที่คาดรายได้จะโต 10%
"ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจดาวเทียม 150 ล้านเหรียญ จากปีที่แล้วมีรายได้ 100 ล้านเหรียญ และยังคาด"เชนนิงตัน"จะมีรายได้ประมาณ 150 ล้านเหรียญ ส่วนซีเอสฯ คาดว่าจะมีรายได้ 1.5 พันล้านบาท" นายดำรงค์กล่าว
นอกจากนี้ การลงทุนดาวเทียมไทยคม 6 บริษัทอยู่ระหว่างศึกษา การลงทุน ร่วมกับพันธมิตรจากต่างประเทศ โดยจะศึกษาว่าดาวเทียมในภูมิภาคนี้มีความต้องการเท่าไร
"ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะก่อสร้างเมื่อไร จะเป็นปีนี้หรือปีหน้า เพราะการสร้างดาวเทียมต้องใช้เงินลงทุนสูง เราต้องศึกษา capacity ในภูมิภาคนี้ และความต้องการใช้ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะสร้างผลกระทบตลาดโดยรวม" นายดำรงกล่าว
สำหรับการทำธุรกิจไอพีสตาร์(iPSTAR) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค 14 ประเทศ ยอมรับว่า การทำตลาดล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ เนื่องจากติดปัญหาการติดตั้งสถานีฐาน (gateway) จากรัฐบาลในหลายประเทศ โดยล่าสุดได้ข้อใบอนุญาตติดตั้ง gateway ที่อินเดียที่คาดว่า พาร์ทเนอร์ที่อินเดียจะได้ใบอนุญาตในเร็วๆนี้
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างขออนุญาตติดตั้ง gateway ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งมีปัญหาเรื่องข้อกำหนดการถือหุ้น และความเป็นเจ้าของในสถานีฐาน ซึ่งบริษัทต้องชี้แจงให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ไอพีสตาร์ คาดว่าจะมียอดลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้น 100% จากปัจจุบันมียอดลูกค้า 1.2 แสนราย โดยเป้าหมายตลาดปีนี้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีตลาดเดิมได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง
*เปลี่ยนชื่อเป็น"ไทยคม"หวังลบภาพเกี่ยวโยง SHIN
นายดำรงค์ กล่าวว่า เหตุผลที่บริษัทเปลี่ยนชื่อจาก บมจ.ชินแซทเทลไลท์ เป็น บมจ. ไทยคม หรือชื่อย่อ" THCOM" เพื่อต้องการลบภาพความเกี่ยวโยงระหว่างบริษัทกับผู้ถือหุ้นเดิม และชื่อ "ไทยคม" ก็เป็นชื่อพระราชทานตั้งแต่เริ่มโครงการดาวเทียมไทยคมเมื่อ 16 ปีก่อน
"ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) เดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เรา 40% แต่ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่เราคือ เทมาเซ็ค แต่คนก็ยังติดภาพผู้ถือหุ้นเดิม และนำเราไปเกี่ยวโยง ยืนยันบริษัทไม่ได้เกี่ยวโยงหรือผูกพันกับผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่ง เราได้คิดตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะหาชื่อบริษัทใหม่ เพื่อลบภาพผู้ถือหุ้นเดิมออกไป" นายดำรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ ชื่อ"ไทยคม" คาดว่าจะมีผลใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 21 เม.ย.นี้
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--