นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่า ขณะนี้ รฟม.รอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจากคดีที่รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มถูกฟ้อง คาดว่าใกล้มีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด โดยที่ผ่านมาตุลาการได้นั่งพิจารณาไปแล้ว อีกทั้งตุลาการได้แถลงไปทั้ง 2 คดี
โดยหากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาแล้ว รฟม.จะนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มที่ได้คัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนแล้วเสนอต่อนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และนำส่งคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ต่อไป
อนึ่ง คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม
1. คดีเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาผู้ชนะในการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 1 ขณะนี้รอศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา
2. คดียกเลิกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 1 ซึ่งศาลปกครองกลางพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ค.65 ชี้ว่าการยกเลิกประมูลผลจากการเปลี่ยนหลักเกณฑ์คัดเลือกในครั้งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขณะนี้รอศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา
3.คดีที่บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ(BTSC) ฟ้องประเด็นการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ครั้งที่ 2 มีการกีดกันไม่ให้เข้าร่วมการประมูล ซึ่งเป็นคดีล่าสุดที่ศาลปกครองกลางรับไว้พิจารณา ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนพิจารณา ยังไม่มีกำหนดนัดไต่สวนเพิ่มเติม
นายภคพงศ์ ยังกล่าวว่า ส่วนคดีในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบยกฟ้องคดีที่ BTSC ฟ้องตนเอง และคณะกรรมการคัดเลือกฯ กรณียกเลิกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเห็นว่าใช้ดุลยพินิจไปตามข้อเท็จจริงและทำไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้เอื้อรายใด ไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับการดำเนินการคัดเลือกเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มในวันนี้ โดยระบุว่ามีเงินทอน 3 หมื่นล้านบาทผ่านบัญชีธนาคารนั้น ผู้ว่ารฟม. กล่าวว่า หากนายชูวิทย์มีหลักฐานการโอนเงิน 30,000 ล้านบาทก็ควรเปิดให้สาธารณชนได้ทราบ แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน รฟม.จะดำเนินการฟ้องร้องต่อไป