ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 250 จุดเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของวาณิชธนกิจเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค บริษัทโคคา-โคลา และบริษัทอินเทล คอร์ป ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทสหรัฐจะสามารถฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการณ์สินเชื่อที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 256.80 จุด หรือ 2.08% แตะระดับ 12,619.27 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 30.28 จุด หรือ 2.27% แตะระดับ 1,364.71 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 64.07 จุด หรือ 2.80% แตะระดับ 2,350.11 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.44 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.13 พันล้านหุ้น
นายท้อด ซาลาโม นักวิเคราะห์จากบริษัทเชฟเฟอร์ อินเวสท์เมนท์ รีเสิร์ช กล่าวว่า "ผลประกอบการที่สดใสของเจพีมอร์แกน และบริษัทยักษ์ใหญ่อีก 2 แห่งช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้น นักลงทุนส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่ออีกหลายบริษัทที่ทยอยกันเปิดเผยผลประกอบการ ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวทำให้หุ้นกลุ่มการเงินได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก"
"ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทำให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในช่วงต้นเดือนมี.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนมั่นใจว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายครั้งที่ผ่านมานั้น เริ่มเห็นผลแล้วและเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ อีกทั้งจะช่วยผ่อนคลายปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ" ซาลาโมกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดดีดตัวขึ้นจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แต่นักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับข้อมูลเศรษฐกิจด้านเงินเฟ้อและตลาดที่อยู่ที่อาศัยของสหรัฐ รวมทั้งรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจใน 12 ภูมิภาคของสหรัฐยังคงอ่อนแอและตลาดแรงงานซบเซาลง นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 115.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายด้วย
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 6.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด โดยนายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนกล่าวว่า เจพีมอร์แกนมีสถานะเงินทุนที่แข็งแกร่งและมีสภาพคล่องสูงพอที่จะรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาด
ขณะที่หุ้นโคคา-โคลา ดีดขึ้น 21 เซนต์ ปิดที่ 61.15 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.9% หุ้นธนาคารเวลล์ ฟาร์โก บวกขึ้น 4.3%
หุ้นอินเทล คอร์ป พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการและยอดขายที่สูงเกินคาด พร้อมกับประกาศเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรตลอดปี 2551
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่ดัชนีซีพีไอพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.2%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--