นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เปิดเผยว่า แผนงานปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแนวราบ รวมถึงคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900 ล้านบาท
โครงการทั้งหมดจะกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลใจกลาง กลางเมือง อาทิ ถนนวิทยุ ทั้งนี้ จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวในปีนี้ที่สามารถรับรู้รายได้ทันที
และมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 และโครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ เป็นต้น จะส่งผลให้ทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และยอดขายที่ระดับ 23,000 ล้านบาท
บริษัทเชื่อว่า Sentiment ในปีนี้จะยังคงฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปัจจัยการเปิดประเทศของจีน จะทำให้ความต้องการจากลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) และสินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างเพื่อรองรับผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยทั้งแบบอยู่อาศัยเองหรือเพื่อลงทุนได้มากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคชาวจีนในประเทศไทยเปลี่ยนไป โดยหันมานิยมซื้อที่อยู่อาศัยแบบสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วมากขึ้นเพราะสามารถเห็นโครงการจริง อีกทั้งยังมีความต้องการห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยเองทั้งครอบครัวจากเดิมที่นิยมซื้อเพื่อการลงทุน
สำหรับผลประกอบการของปี 65 จากภาพรวมการฟื้นตัวเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/65 ส่งผลตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวตามกำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัย ในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้รับอานิสงส์จากกำลังซื้อที่กลับมา โดยจะเห็นจากความสำเร็จในการขายโครงการของบริษัทฯ ทำให้ผลประกอบการกลับมาเทิร์นอะราวด์อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมที่ 3,946 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 141% YoY และกำไรสุทธิอยู่ที่ 338 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 9,185% YoY
สาเหตุหลักๆมาจากมีการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ ซึ่งได้มีการทยอยส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 3-4/65 ได้แก่ 1.) โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 2.) โครงการนิว ศรีนครินทร์?ลาซาล 3.) โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ 4.) โครงการ นิว งามวงศ์วาน และ 5.) โครงการ นิว เซ็นเตอร์ บางนา ส่งผลให้ในปี 65 บริษัทมีรายได้รวมที่ 8,678 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 455 ล้านบาท
ขณะที่ยอดขาย (Pre-sale) ในปี 65 เติบโตทะยานแตะระดับ 17,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Record High) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯมา หรือเติบโต 117% YoY สอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ส่งผลดีต่อ Sentiment ทั้งลูกค้าในกลุ่มที่เป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน
โดยทั้ง 11 โครงการที่บริษัทฯ เปิดตัวใหม่ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 65 ในมือรวมมูลค่าประมาณ 19,627 ล้านบาท และมียอดโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ที่คาดว่าจะสามารถส่งมอบในปี 66 ได้จำนวน 11,391 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับการขายและการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างการรับรู้รายได้รวมถึงผลตอบแทนที่ดีในปี 66 อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการต่อยอดธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์และบริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้าง synergy กับธุรกิจหลัก โดยจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ 1.) บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด 2.) บริษัท เซิร์ฟ เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด และ 3.) บริษัท เซิร์ฟ พีเอ็ม จำกัด