บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตระดับ “BBB+" ให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทของ บมจ. ช. การช่าง (CK) พร้อมทั้งประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"
โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ผลงานโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เป็นที่ยอมรับ และความสามารถในการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในกิจการสัมปทาน
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนไปบางส่วนจากผลกระทบในเชิงลบที่บริษัทต้องเสียโอกาสจะได้รับเงินค่าชดเชยในกรณีพิพาทระหว่างกิจการร่วมค้าบีบีซีดีและการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) รวมทั้งจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นของบริษัทจากการลงทุนในกิจการสัมปทานต่างๆ และกำไรของธุรกิจก่อสร้างที่ลดลงเนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้นและการชะลอตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปโดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานในการลงทุนกิจการสัมปทานที่มีคุณภาพดี ซึ่งจะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทไม่ด้อยลงไปจากระดับปัจจุบัน
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัท ช. การช่างเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศ โดยมีธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างและการลงทุนในโครงการสัมปทานต่างๆ งานรับเหมาก่อสร้างเป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทซึ่งมีสัดส่วน 80%-90% ของรายได้รวมและกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อย่างไรก็ตาม โครงสร้างรายได้ในอนาคตอาจเปลี่ยนแปลงไปเมื่อผลการดำเนินงานของโครงการสัมปทานต่างๆ มีกำไรมากขึ้น รายได้จากธุรกิจก่อสร้างของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาจาก 6,852 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 13,440 ล้านบาทในปี 2550 อย่างไรก็ดี อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงอย่างมากจาก 20.4% มาอยู่ที่ 8.3% ในช่วงเดียวกันเนื่องจากต้นทุนในการก่อสร้างโครงการวงแหวนรอบนอกด้านใต้สูงกว่าประมาณการและการแข่งขันด้านราคาในการประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนที่สูงขึ้น ณ สิ้นปี 2550 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) มูลค่า 18,705 ล้านบาท โดย 62% ของงานเป็นของโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 บริษัทวางแผนจะใช้เงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นกู้ชุดใหม่เป็นเงินทุนเพื่อการดำเนินกิจการและรองรับการขยายธุรกิจ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวเนื่องจากบริษัทมีหุ้นกู้มูลค่า 1,700 ล้านบาทที่จะถึงกำหนดไถ่ถอนในเดือนตุลาคม 2551 นี้
ในส่วนของธุรกิจสัมปทาน บริษัทมีการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค อาทิ ทางด่วน รถไฟฟ้าใต้ดิน น้ำประปา และไฟฟ้า
โดย ณ สิ้นปี 2550 เงินลงทุนในกิจการสัมปทานหลักๆ ของบริษัทประกอบด้วยการถือหุ้นใน บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) จำนวน 14.71% บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) 24.61% บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW) 46.15% และ บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) 28.50% เนื่องจากเงินที่ใช้ในการลงทุนในโครงการสัมปทานของบริษัทเป็นเงินกู้ยืม จึงส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทมีรายได้เงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน BECL และ TTW ในขณะที่ BMCL ยังมีผลประกอบการขาดทุนอยู่ และโครงการหลักของ SEAN ยังอยู่ในช่วงการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ภายในปี 2554 ในส่วนของกรณีพิพาทระหว่างกิจการร่วมค้าบีบีซีดี และ กทพ. นั้น บีบีซีดีได้ยื่นฟ้องต่อศาลครั้งใหม่โดยแสดงเจตนารมณ์ว่าบีบีซีดียังคงมีสิทธิตามกฎหมายในการเรียกร้องค่าเสียหายในการก่อสร้างเพิ่มเติมจาก กทพ. แม้คำพิพากษาดังกล่าวของศาลฎีกาจะถึงที่สุดแล้วและมีผลผูกมัดต่อบีบีซีดีก็ตาม ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ากระบวนการทางศาลอาจใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัท ช. การช่างมีรายได้ในปี 2550 จำนวน 13,565 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 29% จากผลกระทบของภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยของอุตสาหกรรมก่อสร้าง อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ในปี 2550 ลดลงเล็กน้อยโดยอยู่ที่ระดับ 4.2% จาก 5.1% เมื่อปีก่อนเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทลดลงจาก 79.6% ในปี 2549 เป็น 67.7% ในปี 2550 เนื่องจากการก่อสร้างโครงการวงแหวนรอบนอกด้านใต้แล้วเสร็จ และบริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนจากการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--