นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 66 ถือเป็น "ปีแห่งการลงทุนสู่ทศวรรษใหม่" (Invest for the next decade) บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยในส่วนของกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมทั้งออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และ เครื่องดื่ม Non Coffee Menu ใน All Cafe ทั้งในประเทศไทย และ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา
ส่วนกลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven) บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยาย Brand TRIVA (ทรีว่า) ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการ ร้านค้า คาเฟ่ (Total solution service offering) และสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยเป็นสินค้าที่ต่อยอดการเจริญเติบโตของ TACC ในกลุ่ม B2C
นอกจากนี้ บริษัทยังเติบโตตามการขยายสาขาของ Lotus?s ทั้งในส่วนของ Lotus?s Hyper และ Lotus?s go fresh และการร่วมมือกับ BON Cafe ในการพัฒนาเครื่องดื่ม เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างๆ และรุกเข้าตลาดเมล็ดกาแฟ ในส่วนของธุรกิจ License Business บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะเป็น One-Stop-Service และขยายตลาดไปยังประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ในกลุ่มเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
อีกทั้ง บริษัทได้เตรียมขยายช่องทาง Online เพื่อขยาย Product Portfolio ตั้งเป้าหมาย 5-10% ทั้งในส่วนของการขายในประเทศ และต่างประเทศ โดยการเพิ่มยอดขายจากลูกค้ารายเดิม การเสนอสินค้าใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าร่วมกัน
ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า ปี 66 ถือเป็นปีที่สำคัญของบริษัท ซึ่งเป็นปีที่มุ่งสู่ทศวรรษที่ 3 หรือ ก้าวสู่ปีที่ 21 โดยพร้อมขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตที่ยั่งยืน จะมีในส่วนของแผนการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการเป็นพันธมิตรร่วมลงทุน (JV) ซึ่ง TACC ยังคงมองหาบริษัทที่มีศักยภาพ เพื่อเข้าร่วมลงทุนเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
ส่วนผลประกอบการปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 1,536.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.56% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,352.91 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขยายฐานลูกค้าและสินค้าใหม่ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลให้การบริโภคกลับมาคึกคัก สนับสนุนยอดขายสินค้า 7-Eleven ทั้งในประเทศไทย และในประเทศกัมพูชา รวมทั้ง ธุรกิจ License Business มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ อีกทั้งการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในปี 65 มีกำไรสุทธิ 236.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.69% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 215.62 ล้านบาท