NEX ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 2.38% หรือเพิ่มขึ้น 0.40 บาท มาที่ 17.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 18.63 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.04 น. จากราคาเปิด 17.10 บาท ปรับตัวขึ้นสูงสุด 17.40 และต่ำสุดที่ 17.10 บาท
บล.ดาโอ ระบุว่า บมจ.เน็กซ์ พอยท์ (NEX) รายงานไตรมาส 4/65 กำไรสุทธิ 323 ล้านบาท ดีขึ้นมาก YoY, QoQ (เราคาดที่ 250 ล้านบาท) จากการส่งมอบรถ E Bus และ E Truck ได้ราว 850-900 คัน เพิ่มจากไตรมาส 3/65 ที่ 200-250 คัน รวมถึง SG&A/sales ต่ำกว่าที่เราทำไว้ ทำให้ไตรมาส 4/65 มี NPM อยู่ที่ 6.7% (ไตรมาส 4/64 = -10.3%,ไตรมาส 3/65 = 6.1%) ดีกว่าเราทำไว้ที่ 4.7% ดังนั้น ส่งผลให้ปี 65 มีกำไรสุทธิ 208 ล้านบาท ดีขึ้นจากปี 64 ที่ขาดทุน -107 ล้านบาท
เราปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้น +25%, +24% โดยประเมินกำไรปี 66 ใหม่ที่ 1.5 พันล้านบาท +621% YoY โดยปรับ SG&A/sales ลงเป็น 1.9% จากเดิม 3.5% (ปี 65 = 4.2%) ส่งผลให้ NPM จะดีขึ้นเป็น 6.2% (ปี 65 = 3.2%) ทั้งนี้ยังคงประเมินในปี 66 จะมีการส่งมอบรถ E Bus, E Truck เพิ่มเป็น 4 พันคัน เพิ่มจากปี 65 ที่มีการส่งมอบ 1.1 พันคัน และยังคงประมาณการส่งมอบในปี 67-68 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.4/6.7 พันคัน
ราคาหุ้น outperform SET +6% ในช่วง 6 เดือน จากโรงงาน AAB เริ่มส่งมอบ และไตรมาส 3/65 เริ่มพลิกเป็นกำไร แต่ underperform SET -10% ในช่วง 3 เดือน และเราแนะนำ "ซื้อ" จากกำไรยังเติบโตสูงต่อเนื่องในปี 66-68 และมีโอกาส upside ได้อีกจากแผนเพิ่มการขายสินค้าใหม่ๆ เช่น รถปิกอัพไฟฟ้า, รถบรรทุก EV แบบ 6 ล้อ และ 10 ล้อ รวมถึงแผนขยายไปต่างประเทศโดยเริ่มจากมาเลเซียที่มีแผนจะเริ่มผลิตและส่งมอบภายในปี 66
ด้าน valuation ยังน่าสนใจ ปัจจุบันเทรด ปี 66 PER ที่ 22.6 เท่า ซึ่งมองว่าสมควรเทรดในระดับพรีเมี่ยม จากกำไรที่เติบโตสูง และยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต ซึ่งจะเทียบเท่า 68 PER ที่ 13.1 เท่า โดยหากเทียบ PEG ปัจจุบันอยู่ที่ 0.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย peers ที่ 1.0 เท่า