นายพิศณุ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี (SVT) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 66 บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเพิ่มศักยภาพการขยายธุรกิจตามแผนอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในพื้นที่เปิดเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมถึงมีแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง ในภาคตะวันออกฉียงเหนือและภาคใต้
อีกทั้งบริษัทยังมีการเปิดให้บริการแอปพลิเคชั่น SUN V ซึ่งเป็นแอปพลิเคชัน Loyalty Program ระบบสมาชิกสะสมแต้ม รองรับการใช้บริการซื้อสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าของ SUN Vending สร้างความสะดวกและเพิ่มทางเลือกการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับผู้บริโภคยุคสังคมการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 66 เติบโต 10% จากปี 65 จากภาวะแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และ SVT จะยังเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
"SVT เรามีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบ (Refurbishment) เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของตนเอง และมีสาขากระจายสินค้า 15 แห่ง แบ่งเป็นสาขา 13 แห่ง และสาขาย่อย 2 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 30 จังหวัด โดยบริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแผนด้วยกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนในอนาคต" นายพิศณุ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานปี 65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,244.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.32% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,963.32 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 85.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.86% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 66.69 ล้านบาท
การเติบโตของรายได้ มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็นหลัก หลังบริษัทฯ ขยายการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เพื่อให้บริการตามสถานที่บริการต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายพื้นที่จังหวัดการให้บริการเพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา คือ สาขาลำพูน, สาขาอุบลราชธานี, สาขาชลบุรี 2 และสาขาปทุมธานี
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดตั้งเพิ่มขึ้นจำนวน 972 เครื่อง คิดเป็น 6.65% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 64 ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 บริษัทมีเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติวางให้บริการทั้งหมดจำนวน 15,600 เครื่อง มีรายได้เฉลี่ย/เครื่อง/วันประมาณ 400 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 379 บาท/เครื่อง/วัน
ขณะเดียวกันในยังได้รับผลดีจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 64 ที่ได้รับผลกระทบในด้านรายได้ที่ลดลงในบางกลุ่ม Segment เช่น โรงแรม มหาวิทยาลัย โรงเรียน ออฟฟิศสำนักงาน และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น โดยกลุ่มลูกค้าหลักราว 70% ของเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติทั้งหมด คือ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเช่น โรงงานประกอบรถยนต์ โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ โรงงานสิ่งทอ โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น รองลงมา คือธุรกิจโลจิสติก กลุ่มออฟฟิศสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม
นอกจากนี้ บริษัทยังมีนโยบายกระจายความเสี่ยง โดยขยายพื้นที่ให้บริการในการติดตั้งเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติใน Segment ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ปั๊มน้ำมัน สถานีรถไฟฟ้า เช่น MRT BTS และแอร์พอร์ตลิ้งค์ คอนโดมิเนียม เป็นต้น เพื่อให้สอดรับกับ Life Style ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุค New Normal เช่น คนทำงานพักอาศัยในคอนโดมีเนียมในเมือง การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะเพื่อความรวดเร็ว การขยายธุรกิจร้านค้าปลีกในปั๊มน้ำมัน เป็นต้น ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง