น.ส.กัญญามาส ฤทธิเดช ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลงานปี 66 ฟื้นตัวดีขึ้น จาก Utilization rate ของโรงกลั่นดีขึ้น หลังกลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่ และพยายามเพิ่มสัดส่วน Specialty เคมีโปรดักซ์ ให้ได้ 33% นอกจากนี้สเปรดปิโตรเลียมก็ดีขึ้น ทั้ง Gas Oil แก๊สโซลีน และน้ำมันอากาศยาน จากจีนเปิดประเทศ หนุนความต้องการใช้ รวมไปถึงสเปรดของปิโตรเคมีก็จะดีขึ้นเช่นกัน จากจีนเปิดประเทศ แต่ก็ยังมีปัจจัยท้าทายจากซัพพลายใหม่ที่เข้ามา อย่างไรก็ตามจากสเปรดปิโตรเลียม-ปิโตรเคมีที่ดีขึ้น คาดค่าการกลั่น (Market GRM) น่าจะอยู่ที่ 13-14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
บริษัทฯ ได้วางแผนงบลงทุน 5 ปี ไว้ราว 3.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ปี 66 จะใช้งบลงทุนที่ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้รองรับโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง อย่าง โครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) มีความก้าวหน้าการก่อสร้างไปแล้ว 66% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนม.ค.67, INNOPOLYMED คาดจะสามารถเดินเครื่องกำลังการผลิต (COD) ภายในไตรมาส 1/66 รวมถึงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการเดิม และการทำดีล M&A
บริษัทฯ ยังตั้งเป้ากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตเป็น 2.5 หมื่นล้านบาทในปี 68 และเป็น 3.5 หมื่นล้านบาทในปี 73 ตามการเติบโตของธุรกิจปัจจุบัน เช่น ปิโตรเลียม และปิโตรเคมี รวมถึงธุรกิจใหม่ๆ (New Stream) ผ่านการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการร่วมลงทุน (JV) ในธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน
ทั้งนี้ในธุรกิจปัจจุบัน บริษัทฯ จะมุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยฝั่งปิโตรเคมีจะผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty) และตั้งเป้ามีสัดส่วนเพิ่มอีก 52% ในปี 68 จากปีนี้ตั้งเป้าที่ 33% จากปีก่อนทำได้แล้ว 22% ส่วนธุรกิจโรงกลั่น (Refinery) จะมีการอัพเกรดให้มีมูลค่ามากขึ้น เช่น โครงการ UCF หากแล้วเสร็จคาดจะสามารถขาย Gas oil ให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้
ส่วน New Stream บริษัทจะเจาะเข้าไปใน 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจเฮลธ์แอนด์ไลฟ์ (Health & Life Science) ,ธุรกิจวัสดุชั้นสูง(Advanced Material) ,ธุรกิจการทำธุรกิจแบบหมุนเวียน (Circular Business), ด้านธุรกิจโรงกลั่น จะเข้าไปในธุรกิจพลังงาน เช่น พลังงานลม แสงอาทิตย์ และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) เช่น แผงกั้นแบตเตอรี่