นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพและภาพรวมธุรกิจในปี 66 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) ยังเป็นตัวขับเคลื่อน และยังคงตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไปแตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์ภายในปี 66 ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม และพลงงานลม
กลุ่มบริษัทฯ มีความพร้อมทางด้านการเงิน และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่สามารถรองรับการเติบโตและการลงทุนได้มากกว่า 40,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี เพื่อรองรับการเข้าร่วมการยื่นขอเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ขนาด 5 กิกะวัตต์ต่อไป
นาสมบูรณ์ กล่าวถึงธุรกิจพลังงานว่า บริษัทฯ ได้ร่วมประมูลจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565-2573 ซึ่งได้กำหนดการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3 ประเภท ได้แก่ ก๊าซชีวภาพ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Battery Energy Storage System : BESS) โดยบริษัทคาดว่าจะชนะการประมูลหลายโครงการ ส่งผลให้บริษัทมี portfolio เมกะวัตต์รวมเติบโตตามเป้า 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งตามระเบียบคาดว่าจะประกาศรายชื่อผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการคัดเลือกภายในวันที่ 22 มีนาคม 2566 โดยบริษัทฯ มีงบลงทุนที่เตรียมไว้กว่า 2.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับความคืบหน้าในการ Spin-Off บริษัท กันกุล พาวเวอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (GPD) ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC) ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ในช่วงไตรมาส 4/2566 ซึ่งประเมินว่างานรับเหมาก่อสร้างจะมีเพิ่มขึ้นมากในช่วง 5 ปีนี้ เนื่องจากมีแผนจะเข้าไปรับงานภาคเอกชนมากขึ้น จากปัจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้กว่า 5,000 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีงานประมูลงานใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อมาสนับสนุนงานในมือให้เพิ่มมากขึ้น
"กลุ่ม GUNKUL เล็งเห็นการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยมีเป้าหมายสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งพลังงานทดแทน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานและเทคโนโลยี ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ธุรกิจด้านการบริการก่อสร้างครบวงจร ดังนั้นจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทจะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้คือไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องกว่า 12 ปีของบริษัทฯ นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ "
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดปี 65 โดยมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทจำนวน 3,010.52 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,229.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 781.25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.05% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 9,515.10 ล้านบาท