นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% จากการเติบโตของทั้ง 3 สายธุรกิจหลัก โดยสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติยังคงเน้นการผลิตสินค้าเกรดพรีเมียมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าชั้นนำระดับโลกได้ และให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้ามาตรฐานความยั่งยืนที่มีปริมาณขายเติบโตขึ้นและมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตยางแท่งเป็น 430,000 ตัน/ปี ภายในปี 67 หรือเพิ่มขึ้น 34% จากกำลังการผลิตปัจจุบัน และตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้ายางแท่งในตลาดอินเดียและจีนมากขึ้น
ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ บริษัทฯ คาดว่าปีนี้จะฟื้นตัวกลับมาได้ หลังจากที่มีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรไปเมื่อปีที่แล้ว และจากโครงการติดตั้ง Boiler ลูกใหม่ที่จะแล้วเสร็จในไตรมาส 1/2566 ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และเดินหน้าติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตเป็น 84 ตันปาล์มทะลายต่อชั่วโมง ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบรวมเพิ่มขึ้น เป็น 735,000 ตันปาล์มทะลายต่อปี ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งเสร็จภายในไตรมาส 4/66 นี้
สำหรับธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ คาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโตขึ้น จากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 ที่จะ COD ได้ในช่วงต้นไตรมาส 2/66 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับกากอินทรีย์ได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 300 ตัน รวมเป็นความสามารถในการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ทั้งหมด 720,000 ตันต่อปี และผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นอีกวันละ 30,000 ลูกบาศก์เมตร ทำให้มีกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพรวมเป็น 34 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพจาก 43 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 64 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 66 นี้ พร้อมรองรับความต้องการการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น และยังเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจากทั้งภายในและนอกกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ยึดถือปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยบริษัทฯ ได้ทำแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงใช้กลไกของตลาดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 73 และมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ์เป็นศูนย์ต่อไป
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 15,403.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.92% จากช่วงปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 11,087.76 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 684.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.58% จากช่วงปีก่อนหน้าที่ทำได้ 562.64 ล้านบาท
"ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ปี 65 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ขณะที่การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิส่วนใหญ่มาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติเป็นหลัก ที่มีการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม" นางสาวสินีนุช กล่าว