TIDLOR ราคาหุ้นปรับตัวลง 6.54% หรือลดลง 1.75 บาท มาที่ 25.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 747.88 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.37 น. จากราคาเปิด 26.25 บาท ปรับตัวขึ้นสูงสุด 26.50 และต่ำสุดที่ 24.90 บาท
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ ผู้บริหาร บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ประกาศเป้าหมายสินเชื่อในปี 66 เติบโตที่ 10-20% YoY (เทียบกับ +32% ในปี 65) และธุรกิจประกันวินาศภัยเติบโต 20-25% (+34% ในปี 65)
TIDLOR ตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่เพียง 100-200 สาขาในปี 66 (+342 สาขาในปี 65) เนื่องจากบริษัทจะมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพสาขา ทั้งนี้ สาขาใหม่ส่วนใหญ่จะเปิดใน 2H66 ในแง่ของมาร์จิ้น NIM มีแนวโน้มลดลง YoY เนื่องจากต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 50bps YoY จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในปี 66
จากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะถดถอย TIDLOR ประเมินต้นทุนสินเชื่อไว้ที่ 3.0-3.5% ในปีนี้จาก 2.2% ในปีที่แล้ว โดยต้นทุนสินเชื่อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงสุดในไตรมาส 1/66 เนื่องจาก TIDLOR วางแผนที่จะเร่งตัดหนี้สูญจากการผ่อนปรนหนี้ ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นและสูงสุดในกลางปี 66 และคงอยู่ระดับต่ำกว่า 2% ในปี 66 จาก 1.6% ในปี 65
ดังนั้น เราปรับลดประมาณการกำไรปี 66-67 ของ TIDLOR ลง 7% สะท้อนต้นทุนสินเชื่อที่สูงขึ้น แม้คาดว่ากำไรจะเติบโต 12-14% ในปี 66-68 แต่กำไรต่อหุ้นน่าจะเติบโตเพียง 2-7% จาก 6% ในปี 65 เนื่องจากจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากหุ้นปันผลที่ TIDLOR ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.292 บาท และหุ้นปันผล 8:1 (XD วันที่ 19 เม.ย.) เราคาดว่าไตรมาส 1/66 สินเชื่อจะเติบโตช้าและต้นทุนสินเชื่อยังคงสูง โดยผลการดำเนินงานน่าจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง 66 จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการเลือกตั้ง