นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส (RS) dล่าวว่า ปี 65 เป็นปีที่ อาร์เอส กรุ๊ป มุ่งเน้นการขยาย Ecosystem ของธุรกิจคอมเมิร์ซ ทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ทั้งการเข้าซื้อธุรกิจขายตรงยูไลฟ์ (ULife) จาก บริษัท ยูนิลีเวอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นทางลัดสู่ช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน (People Marketing) และศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับสากล
อีกทั้งยังจัดตั้ง บริษัท อาร์เอส เพ็ท ออล์ จำกัด เพื่อสร้าง Petconomy ผลิต จัดจำหน่ายสินค้า และบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพกว่า 71 SKUs ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ เวลยู, คามูซี, ไวตาเนเจอร์พลัส และไลฟ์เมต
สำหรับปี 66 เป็นปีแห่งการขยายธุรกิจในทุกมิติทั้งธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รวมถึงการลงทุนกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยาย Ecosystem ของ อาร์เอส กรุ๊ป ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเริ่มที่การปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมของบริษัทในเครือเพื่อ Spin-off เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยจุดมุ่งหมายสำคัญ คือทำให้ อาร์เอส กรุ๊ป เป็น "Life Enriching" ที่จะยกระดับทุกมิติของการใช้ชีวิตของลูกค้าและสัตว์เลี้ยงผ่านทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ
นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน RS เผยว่า ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ถือเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญของ อาร์เอส กรุ๊ป ในปีที่ผ่านมา ซึ่งรายได้เอ็นเตอร์เทนเมนต์เติบโต 39% จากปีก่อนหน้า โดยเป็นผลจากทั้งกิจกรรม คอนเสิร์ต และการเติบโตของรายได้การขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจยังเป็นความท้าทายกดดันต่อรายได้ของธุรกิจคอมเมิร์ซให้ลดลง 24% ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 3,533 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิเท่ากับ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเติบโตของธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์และประสิทธิภาพการบริหารค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น
จากความพร้อมของ Ecosystem ที่ อาร์เอส กรุ๊ป ได้วางรากฐานไว้ทั้งการสร้างแบรนด์ที่แข็งแรง และการปูพรมช่องทางจำหน่ายให้แข็งแรงในปีที่ผ่านมา ประกอบกับตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว จึงเป็นโอกาสของ อาร์เอส ทั้งในส่วนธุรกิจคอมเมิร์ซที่ประกอบด้วย RS Livewell และ RS Connect ที่จะสร้างยอดขายให้เติบโตด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 45 SKUs รวมถึงขยายตลาดด้วยช่องทางและพันธมิตรใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดที่กว้างขึ้น
ด้านธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เรามุ่งลงทุนในธุรกิจเพลงอีกครั้งร่วมกับพันธมิตรระดับโลก ซึ่งจะช่วยทั้งเพิ่มรายได้จากทรัพย์สินเพลงเดิมและสร้างฐานทรัพย์สินเพลงใหม่ นอกจากนี้ ยังเดินหน้าสร้างรายได้จากอีเวนท์และคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบตลอดปี ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 550 ล้านบาท
โดยล่าสุด COOLive (คูลไลฟ์) ภายใต้กลุ่มธุรกิจ RS Multimedia ประกาศแผน Showbiz ปี 66 ภายใต้คอนเซปต์ #inCOOLsiveExperience สร้างประสบการณ์ร่วมที่คูลกว่าสำหรับทุกเจเนอเรชัน กับ 4 คอนเสิร์ตใหญ่ที่รวมทุกความออริจินัลของอาร์เอสที่ทุกคนคิดถึง ได้แก่ RS Hits Journey 2023, D2B 22nd Anniversary Concert 2023, Kamikaze Party Reunion และ RS Meeting Danceventure Concert 2023 และจะจัด Music Festival 4 ฤดู ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ ชะอำ, สวนผึ้ง กรุงเทพฯ และเขาใหญ่ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมคอนเสิร์ตใหญ่และ Music Festival กว่า 1 แสนคน
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของอาร์เอส กรุ๊ป คือการลงทุนผ่าน M&A อย่างต่อเนื่องเพื่อต่อยอด Ecosystem ของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเรามุ่งมั่นที่จะเฟ้นหาพันธมิตรที่เราจะร่วมลงทุนและเติบโตไปพร้อมกันในรูปแบบ Strategic Investment โดยในปี 66 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300-600 ล้านบาทต่อดีล
ที่ผ่านมาเราได้ผลักดัน บมจ.เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) ให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และได้เข้าทำการซื้อ-ขายเป็นวันแรกเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีรายรับจากการขายหุ้นบางส่วนของ CHASE ก่อนเข้าตลาดเป็นเงินสด 420 ล้านบาท และรับรู้กำไรพิเศษจากธุรกรรมนี้ทันทีในไตรมาส 1/66 กว่า 100 ล้านบาท ทั้งนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังตั้งใจคงหุ้น CHASE จำนวน 20.35% ไว้ในระยะยาวเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกัน
"ด้วย Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง และพันธมิตรใหม่ๆ ที่มีศักยภาพจะสนับสนุนให้ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือมีการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดแรงผลักดันและเป็นกลไกสำคัญในการนำพา อาร์เอส กรุ๊ป มุ่งสู่เป้าหมายรายได้รวมในปี 2566 ที่ 5,500 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน" นายสุรชัย กล่าว