นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 66 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจเบาะหนังมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง และมีแผนการส่งมอบงานอย่างชัดเจน ขณะที่มีรายได้จากธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนธุรกิจ SKC มีแผนการส่งมอบงานตามกำหนดเช่นกัน ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลงานในปีนี้จะสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องจากปีก่อน
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายตุนสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในมือมากกว่า 50 MW ภายในปี 66 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการ Spin Off ธุรกิจพลังงานเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
อนึ่ง ปัจจุบันกลุ่ม CWT มีโรงไฟฟ้าที่ขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 9.90 เมกะวัตต์ และโครงการ ขนาดกำลังการผลิต 9.60 เมกะวัตต์ รูปแบบโรงไฟฟ้าชีวมวล ตั้งอยู่ที่ จ.สระแก้ว และมีโรงคัดแยกขยะเป็นเชื้อเพลิง RDF 1 แห่ง กำลังการผลิต 400ตัน/วัน อยู่ระหว่างพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าคาดสามารถ COD ได้ภายในไตรมาส 3/66 ปัจจุบันได้สัญญาบริหารจัดการขยะแล้ว 25 ปี
และล่าสุดได้รับคัดเลือกจากการยื่นข้อเสนอการดำเนินการคัดเลือกเอกชนดำเนินการก่อสร้างระบบการจัดการขยะเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิง (RDF) และผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะมูลฝอยของเทศบาลตำบลกมลาไสย กำลังการผลิต 6.60 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาภายในเร็วๆ นี้ พร้อมกันนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีกหลายแห่ง
สำหรับผลดำเนินงานปี 65 รายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 1,863.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.66 ล้านบาท หรือ 6.19% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,755.26 ล้านบาท ขณะที่มีผลกำไรตามการแบ่งปันกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 180.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.91 ล้านบาท หรือ 4.59% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีผลกำไร 172.15 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดต่อเนื่อง
"ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือธุรกิจหนังที่ยังคงมั่นคงต่อเนื่อง โดยรายได้จากการขายสำหรับเบาะรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนการผลิตรถตามรุ่นที่ได้รับ และมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเป็นไปตามจำนวนเมกะวัตต์ที่บริษัทได้รับรวม 9.90 เมกะวัตต์ ส่วนรายได้จากการขายเรือและรถโดยสารขนาดเล็กอยู่ที่ 65.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 197% จากปีก่อน ประกอบกับด้วยการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ"