นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.อยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์จากภายนอก โดยเฉพาะปัญหาซับไพร์ม และทิศทางค่าเงินดอลลาร์ คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 3 เดือนก่อนที่จะตัดสินใจเพิ่มพอร์ตลงทุนในต่างประเทศเป็น 7 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 20% ของพอร์ตลงทุนทั้งหมด จากเพดานการลงทุนในต่างประเทศที่ได้รับอนุมัติจากทางการที่ 25% และขณะนี้ลงทุนไปแล้ว 15% ซึ่งเป้าหมายทั้งปีจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 22-23%
"การที่เงินบาทแข็งค่าถือเป็นจังหวะที่ดีในการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศซึ่งจะได้เงินดอลลาร์ที่มากขึ้น และเราก็ได้นำเงินไปลงทุนเผื่อไว้ 3-5 เดือนข้างหน้าในตราสารหนี้ระยะสั้นจนกว่าปัญหาซับไพร์มจะเบาบางและหากสถานการณ์ในต่างประเทศมีทิศทางที่ดีก็จะปรับเปลี่ยนจากการลงทุนในตราสารหนี้มาเป็นการลงทุนในหุ้นได้" นายวิสิฐ กล่าว
นายวิสิฐ กล่าวว่า ในปีนี้การบริหารเงินมีความยากลำบากเนื่องจากปัญหาภาวะเงินเฟ้อมีระดับสูงจากราคาอาหารและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันค่อนข้างผันผวนในทิศทางที่สูงขึ้นและภายใต้ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนราคาน้ำมันคงปรับตัวขึ้นสูงไปอีก
แต่อย่างไรก็ตาม กบข.จะพยายามสร้างผลตอบแทนให้ดีกว่าเงินเฟ้อ โดยในปีนี้ก็เชื่อว่าผลตอบแทนจากการลงทุนจะดีกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 9.22%
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--