นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ (SIRI) กล่าวว่า ในปี 66 แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต โดยวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 75,000 ล้านบาท ทุบสถิติเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ
พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย 55,000 ล้านบาท และรายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิที่จะทุบสถิติ ALL-Time High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
ขณะที่ปี 65 เป็นอีกปีท่ามกลางความท้าทายที่แสนสิริผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่งในรอบ 38 ปี จากการมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้าจนส่งผลให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าและมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านผลงานยอดขายรวมที่ทำได้ถึง 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้รวม 34,983 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 30,716 ล้านบาท ที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 67:33
นอกจากนี้ สรุปผลการดำเนินงานปี 65 แสนสิริมีกำไรสุทธิที่โดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 4,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 112% จากปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 2,017 ล้านบาท นับเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสูงที่สุดในอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขณะนี้ อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 12.2% ของรายได้รวม พุ่งขึ้นจาก 6.8% ในปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 33.7% ในปี 64 มาอยู่ที่ 35.4% ในปี 65
และเฉพาะในไตรมาส 4/65 สร้างผลงานโดดเด่น ทำรายได้รวมกว่า 13,071 ล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 1,791 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 422% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นกำไรในไตรมาสเดียวสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"อัตราการเติบโตของธุรกิจที่ก้าวกระโดด เป็นผลจากการตอบรับในแบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าที่ดีมาโดยตลอด การควบคุมวินัยทางการเงินของบริษัทฯ เป็นอย่างดี รวมถึงการบริหารงานก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยคุณภาพให้กับลูกค้า ส่งผลให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการทำกำไรและสร้างรายรับให้มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้นด้วย"นายเศรษฐา กล่าว