นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (GPI) ในฐานะประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 เปิดเผยว่า งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 (The 44th Bangkok International Motor Show 2023) จัดขึ้นภายใต้แนวคิด "COLORFUL EXPERIENCE ประสบการณ์ครบทุกสีสัน" เพื่อสื่อถึงการสร้างประสบการณ์อันหลากหลาย ผ่านเทคโนโลยีแห่งโลกยานยนต์ที่ยังคงพัฒนาอย่างไม่มีวันสิ้นสุด โดยเฉพาะกับรถพลังงานไฟฟ้าที่กำลังจะนำพาวิถีชีวิตแห่งการเดินทางในยุคใหม่มาสู่ทุกคน
งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแล มอเตอร์โชว์ ยังคงเป็นงานจัดแสดงยานยนต์ที่บริษัทผู้ผลิต ผู้จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมยานยนต์ นำผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าร่วมจัดแสดงมาอย่างยาวนาน โดยในการจัดงานประจำปี 66 ค่ายรถยนต์-รถจักรยานยนต์ชั้นนำแสดงความจำนงค์เข้าร่วมงานมากกว่า 40 แบรนด์ เต็มพื้นที่การจัดงานกว่า 170,960 ตารางเมตร แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความสำคัญของงานงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแล มอเตอร์โชว์ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำในการจัดงาน Exhibition ด้านยานยนต์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งผู้บริโภคให้ความไว้วางใจมายาวนานมากกว่า 44 ปี
สำหรับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในปี 66 ในภาพรวมของอุตสาหกรรมเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ สถานการณ์การขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตมีสถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในปีนี้หน่วยงานภาครัฐประ เมินว่า การผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศไทย จะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นหากเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้านสภาวะเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มจะกลับมาเติบโตได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลับมาคึกคักอีกครั้ง
โดยเฉพาะกับตลาดรถพลังงานไฟฟ้าที่คาดว่าจะมีตัวเลขการเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นกับเทคโนโลยีแห่งการขับเคลื่อนวิถีใหม่ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับขี่และการเดินทางประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐในหลายด้าน ทั้งการส่งเสริมมาตราการทางด้านภาษี ส่งผลให้มีราคาจำหน่ายที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงการสนับสนุนในส่วนของการผลิตเพื่อใช้งานภายในประเทศ และการผลิตเพื่อส่งออกสู่ทั่วโลกในอนาคต จึงเป็นอีกครั้งที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นภานในงานครั้งนี้
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตลาดและการขาย GPI และรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 กล่าวว่า แม้ทิศทางและกระแสของการรซื้อ-ขายผ่านช่องทางออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในปัจจุบันและมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ส่งผลต่อแนวทางการทำตลาดและการจัดกิจกรรมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก แต่การที่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์กว่า 40 แบรนด์ ยังคงนำผลิตภัณฑ์เข้ามาร่วมจัดแสดงเต็มพื้นที่การจัดงานกว่า 170,960 ตารางเมตร น่าจะแสดงให้เห็นได้ว่างาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ยังคงมีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคและช่วยสนับสนุนการซื้อ-ขายในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้เป็นอย่างดี
เป้าหมายของการจัดงานในปีนี้ ทางผู้จัดตั้งเป้าการเติบโตไว้ประมาณ 15-20% ทั้งในส่วนของจำนวนผู้เข้าชมงาน และยอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในงาน เนื่องมาจากปัจจัยบวกในหลายด้าน ทั้งการผ่อนปรนมาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไปจนถึง การเข้ามาของรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ทำให้เชื่อมั่นว่าการจัดงานในปีนี้จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
"ผมมั่นใจว่าการจัดงานในปีนี้ จะเป็นอีกครั้งที่ งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ จะแผ่ขยายศักยภาพการจัดงาน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และพัฒนาธุรกิจยานยนต์ของประเทศไทย ให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง จากเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาล ในการสร้างงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การออกแบบ การก่อสร้าง และการจ้างงานในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง จะสร้างเม็ดเงิน เสริมรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศ ให้เติบโตไม่ต่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ส่งผลดีกับกลุ่มผู้ประกอบการ ทั้งในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจที่ เกี่ยวเนื่องทั้งหมด" นายปราจิน กล่าว
ทั้งนี้ ในฐานะผู้จัดงาน ยังเชื่อมั่นว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยมีความพิเศษและแตกต่าง การทำตลาดในช่องทางออนไลน์สำหรับสินค้าประเภทรถยนต์และจักรยานยนต์จะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต แต่ยังคงต้องใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อรองรับวิถีชีวิตใหม่ ด้วยเหตุนี้งานบางกอก มอเตอร์โชว์ จึงยังคงไว้ซึ่งความพิเศษอันเป็นจุดเด่นสำคัญ คือ นอกจากจะเป็นงานจัดแสดงยนตรกรรมล้ำสมัยแล้ว ยังเป็นงานที่สร้างบรรยากาศให้เกิดความคึกคักมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคที่เข้าชมงานยังมีโอกาสในการตัดสินใจและมีทางเลือกหลากหลายภายในงานเดียว ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและยอดขายในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในช่วงการจัดงานและหลังจบงานได้เป็นอย่างดี