ปี 2565 ที่ผ่านมานับว่ามีเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการคริปโทเคอร์เรนซีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้ง LUNA-TERRA หรือแม้แต่การล่มสลายของ FTX สิ่งเหล่านี้สร้างแรงกระเพื่อมต่อทั้งตลาดคริปโทฯ เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) อย่างชัดเจน
และปี 2566 นี้ หลายคนคาดการณ์ว่าจะเป็นปีที่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีการฟื้นตัว แต่หารู้ไม่ว่าแรงกระเพื่อมยังไม่หมด ล่าสุด "Silvergate" องค์กรผู้เปรียบเสมือนธนาคารผู้ให้บริการในโลกคริปโทฯ ก็ขอเลื่อนการยื่นส่งงบประจำปี (K-10) ออกไปอีก 15 วัน อนาคตของ "Silvergate" จะเป็นอย่างไรต่อไป งานนี้ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด!!
*Silvergate หวิดล่ม ตลาดคริปโทฯ สั่นสะเทือน
หลายคนอาจจะเริ่มเห็นข่าวของ Silvergate กันแล้ว แล้ว Silvergate คือใคร? การล้มของ Silvergate จะส่งผลต่อตลาดคริปโทฯ อย่างไร?
เริ่มเรื่องกันก่อน Silvergate คือธนาคารภายใต้เครือของ Sivergate Capital Corporation ให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการ Silvergate ก็มีทั้ง Coinbase, MicroStrategy, Paxos หรือแม้แต่ Circle ก็ใช้บริการอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็มีการกู้ยืมเงินจาก Silvergate ด้วย
ย้อนกลับไปช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 ทาง Silvergate ได้เปิดเผยยอดเงินฝากที่ลดลงจาก 11.9 billion เหลือ 3.9 billion ลดลงกว่า 68% ซึ่งผู้ถอนเงินหลักก็คือ FTX ซึ่งก็ประกาศล้มละลายในเวลาต่อมา
ทาง Silvergate จึงได้แก้ไขปัญหาสภาพคล่องด้วยการขายตราสารหนี้มูลค่ากว่า 5.2 Billion ต่ำกว่าราคาทุน ทำให้ขาดทุนไปประมาณ 718 ล้านดอลลาร์ และยังมีการปลดพนักงานอีกด้วย
แน่นอนว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน ราคาหุ้นของ Silvergate จากที่เคยทำ All Time High ช่วงเดือน พ.ย.2564 ที่ 219 ดอลลาร์ และเมื่อช่วงสิ้นเดือน ม.ค.ของปีนี้ บริษัทจัดการการลงทุน Blackrock ได้รายงานว่าได้เข้าซื้อหุ้น Silvergate ราคาปรับตัวจาก 15 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่ 22 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา
แต่ระหว่างนั้น ทางอัยการสหรัฐก็ยังคงดำเนินการสืบสวน Silvergate กรณีการล้มละลายของ FTX อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น วันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ทาง Silvergate ขอเลื่อนการยื่นงบ K-10 ซึ่งก็คืองบประจำปี ออกไปอีก 15 วัน เหตุการณ์นี้ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงทันทีกว่า 57%
ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทาง Silvergate เองก็ยอมรับว่าโดนไต่สวนอย่างหนักจาก กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ สภานิติบัญญัติและหน่วยงานกำกับดูแลธนาคาร
มาดูผลกระทบฝั่ง Crypto กันบ้าง ในส่วนของลูกค้าที่กู้ยืมเงินจาก Silvergate ก็มีความกังวลว่าต้องปิดสัญญากู้ยืมด้วยหรือไม่ ซึ่ง Microstrategy ที่กู้ยืมมา 205 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ Bitcoin ในช่วงเดือน มี.ค.2565 ก็ประกาศชัดเจนว่ายังกำหนดคืนตอน ไตรมาส 1 ปี 2568 และการกู้หนี้ไม่ทำให้บริษัทล้มละลายแน่นอน
ทุกคนลองคิดภาพตาม เวลาธนาคารล้มเป็นเรื่องใหญ่มาก และถ้าตลาดคริปโทฯ ปรับตัวเป็นขาลงอีก Silvergate อาจต้อง Liquidate ลูกค้า ซึ่งอาจนำไปสู่การ Liquidation ครั้งใหญ่ หรือการล้มละลายของ Silvergate เลยก็เป็นได้
วิกฤติ Silvergate จะจบลงอย่างไร นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะว่าอาจเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ตัดสินว่าปี 2566 จะเป็นตลาดหมีหรือกระทิงของคริปโทฯ เลยทีเดียว
*Cryptomind Advisory เผยมุมมองตลาดคริปโทฯ ปี 66 ชี้ 5 ปัจจัยสำคัญ
มาแล้วปีนี้กับ Cryptomind Research Investment Outlook 2023 บทวิเคราะห์จาก Cryptomind Advisory เกี่ยวกับทิศทางตลาดคริปโทฯ ซึ่งปีนี้นายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว Chief Investment Officer ได้ชี้ว่าปีนี้จะเป็น "ปีแห่งการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง" ด้วยเหตุผลจาก การเติบโตด้านการใช้งานของ Bitcoin, พัฒนาการของ Ethereum, DeFi ในยุคที่คนเริ่มไม่เชื่อใจตัวกลาง, แบรนด์ชั้นนำเข้าสู่ตลาด NFT แล้วก็ Regulation กฎเกณฑ์ข้อบังคับจากภาครัฐ
นอกจากนี้ใน research ยังมีการยกตัวอย่างกรณีประกอบจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เหล่านักลงทุนได้ศึกษา พร้อมทั้งบทวิเคราะห์ของฝั่งบล็อกเชน, DeFi, NFT ที่ตอนนี้เหมือนจะเงียบไป แต่จริง ๆ แล้วทางฟากฝั่งคริปโทฯ ไม่ได้เงียบไปไหนเลย
สำหรับใครที่สนใจต้องการเป็นเจ้าของ Research นี้ ก็สามารถติดตามได้ที่หน้าเพจ Facebook Official ของ Cryptomind Group ได้เลย
*ครม. ไฟเขียวยกเว้น VAT, Investment Token รับอานิสงส์เต็ม ๆ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 ว่า ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้และมูลค่าของฐานภาษี (รายได้จากการขายลบต้นทุน) อันเนื่องมาจากการขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่เสนอขายต่อประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล หรือก็คือ Investment Token นั่นเอง
ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์ ได้แก่ (1)บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ออกและเสนอขาย Investment Token ต่อประชาชน (ในตลาดแรก) และ (2)บุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ซื้อขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (ในตลาดรอง)
โดยมีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขาย Investment Token ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นไป นั่นก็คือมีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และเพื่อให้มาตรการภาษีของ Investment Token เท่าเทียมกับมาตรการภาษีของหลักทรัพย์ และส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการระดมทุน
ดูทรงแล้วปี 66 นี้ น่าจะมี Investment Token ให้นักลงทุนได้ออกมาจับจองกันอีกเยอะเลย
https://youtu.be/LD4yflHqH2A