บลจ.เอ็ม เอฟ ซี (MFC) ระบุว่า ผลกระทบจากความกังวลของ Silicon Valley Bank (SVB) ต่อกองทุน MFC
1. ทีมกลยุทธ์ มองว่าประเด็น SVB น่าจะมีผลกระทบทางอ้อม ต่อ Sentiment เชิงลบของตลาด
2. ทีมกลยุทธ์ มองว่ากองทุนที่มีหุ้นเทคโนโลยีขนาดเล็ก : MFTECH, M-META, MGTECH ที่มีการลงทุนในบริษัทที่มียอดเงินฝากกับ SVB น่าจะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ผู้ฝากเงินกับ SVB ได้รับการช่วยเหลือจากทางการสหรัฐฯ แล้ว จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบเพียง Sentiment เท่านั้น
3. สำหรับกองทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร : MEUBANK ลงทุนในกลุ่มธนาคารในยุโรป คาดได้รับผลกระทบเชิง market sentiment มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน
สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น SVB ประสบปัญหาสภาพคล่องเงินทุนของธนาคาร และธนาคารล้มเหลวในการระดมทุน ทำให้จำเป็นต้องมีการขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการขายหุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพในมูลค่า 2.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจากการขายดังกล่าวก่อให้เกิดผลขาดทุนจากการขายตราสารหนี้ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจาก Bond Yield ปรับสูงขึ้นและราคาพันธบัตรปรับลง
ราคาหุ้นของธนาคาร SVB ปรับตัวลงแรงไปกว่า 60% ในคืนวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ผู้ฝากเงินขาดความเชื่อมั่นต่อธนาคารและทำการถอนเงินเป็นจำนวนมาก
ท้ายที่สุดธนาคารถูกสั่งปิดในวันศุกร์ และ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ซึ่งเป็นสถาบันของรัฐซึ่งดูแลเรื่องการประกันเงินฝาก ได้สั่งปิดสำนักงานใหญ่และ SVB และเข้าดูแลสินทรัพย์ของธนาคาร ซึ่งตามข่าวผู้ฝากเงินของ SVB (เงินฝาก 175,4000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
ความช่วยเหลือจากทางการสหรัฐฯ
- ล่าสุด FDIC ประกาศค้ำประกันผู้ฝากเงินเต็มจำนวนของ Silicon Valley Bank
- เฟดประกาศ Bank Term Funding Program ขนาด 25,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ ให้ธนาคารสามารถนำพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ ตราสาร Mortgage-backed securities มาแลกเป็นสภาพคล่องได้ที่ราคาหน้าพันธบัตร (Face Value)
- ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการนัดประชุมรอบพิเศษในวันนี้ (13 มี.ค. 66) แนะนำจับตาการประชุมรอบพิเศษว่าเฟดจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่
มุมมองทีมกลยุทธ์ คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นค่อนข้างจำกัดเนื่องจากทางการสหรัฐฯ มีการออกมาตรการและเข้ามาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบแล้ว ตลาดน่าจะคลายความกังวลระยะสั้นจากมาตรการช่วยเหลือ เนื่องจาก เฟดออกมาตรการ Bank Term Funding Program และล่าสุด FDIC เข้าค้ำประกันเงินฝาก
นอกจากนั้น ตลาดคาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม ที่ระดับ 0.25% เราคาดว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 0.25%-0.5%
ล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับลงต่อมาที่ระดับ 3.7% จาก 4.0% รวมทั้งอายุ 2 ปี ปรับลงมาอยู่ที่ 4.4% และตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะมีความผันผวน สำหรับภาคการเงินสหรัฐฯ เรามองว่ากลุ่มธนาคารใหญ่ยังมีความแข็งแกร่งและมีการทำ Stress Test เป็นระยะ ในขณะที่ธนาคารขนาดกลางและเล็กมีความน่ากังวลได้
ขณะที่ตลาดตราสารหนี้ในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาลและกลุ่มตราสารหนี้คุณภาพสูง น่าจะได้ประโยชน์ จากการปรับลงของ Bond Yield และเรายังระมัดระวังกลุ่มหุ้นกู้เอกชนผลตอบแทนสูง HY เนื่องจากมีโอกาสการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มสูงขึ้นได้
ทั้งนี้ SVB เน้นการปล่อยกู้ธุรกิจเทคโนโลยี และ Start Up โดยในช่วงที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ อันดับที่ 16 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 2.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2565)