SET ปิดวันนี้ที่ 1,573.07 จุด ลดลง 26.58 จุด (-1.66%) มูลค่าการซื้อขาย 79,662.39 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงทำจุดต่ำสุด 1,572.65 จุดช่วยท้ายตลาด และแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,602.65 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 315 หลักทรัพย์ ลดลง 1,408 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 318 หลักทรัพย์
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงลงรับ Sentiment เชิงลบจากซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ปิดกิจการ จากการประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอาจเกิดภาวะเดียวกันกับธนาคารอื่นๆ อีกหรือไม่ ทำให้มีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยออกมาอย่างหนัก ทั้ง KBANK, BBL, SCB ขณะเดียวกันนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.66) ด้วย
ขณะที่ล่าสุดช่วงท้ายตลาดมีรายงานข่าวว่าหุ้นธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ร่วงลงกว่า 60% ในการซื้อขายก่อนที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเปิดทำการในวันนี้ ถูกกดดันจากการปิดกิจการซิกเนเจอร์ แบงก์ และ SVB โดยเฟิร์สท์ รีพับลิค แบงก์ เข้าถึงสภาพคล่องได้กว่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศโครงการ Bank Term Funding Program
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว หลังนักลงทุนรับรู้ปัจจัยลบดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว และพื้นฐานตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่ง รวมถึงนักลงทุนคลายกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยแรง โดยให้น้ำหนักว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% จากเดิมคาด 0.5% ในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ SVB
ให้กรอบแนวรับ 1,570 จุด และแนวต้าน 1,590 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 7,411.74 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
BTS มูลค่าการซื้อขาย 2,685.35 ล้านบาท ปิดที่ 6.90 บาท ลดลง 0.65 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,593.78 ล้านบาท ปิดที่ 99.75 บาท ลดลง 2.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,580.84 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท ลดลง 0.75 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,569.28 ล้านบาท ปิดที่ 978.00 บาท ลดลง 14.00 บาท