นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) กล่าวยืนยันว่า บริษัทยังคงเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส เพราะกลัวประชาชนเดือดร้อน แม้วันนี้จะมีข้อกล่าวหาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กระทบความมั่นใจในบริษัท จนราคาหุ้น BTS ร่วงลงมา และกระทบความเชื่อมั่นต่อผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แต่สถานะของบริษัทยังแข็งแกร่ง
ส่วนที่พนักงานบีทีเอสไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ นายคีรี กล่าวว่า ตนเองไม่รู้เรื่อง และเห็นว่าพนักงานอาจจะทนไม่ได้ เพราะกลัวบริษัทจะไม่มีการจ่ายเงินค่าจ้าง
บ่ายวันนี้นายคีรี ร่วมกับนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และพ.ต.อ. สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้เดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ในกลุ่ม BTS ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงกรณีมีการแจ้งข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช.
นายคีรี กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของ ปปช. เป็นการกล่าวหาลอยๆ เรายังไม่รู้ว่าได้ร่วมกระทำความผิดกับใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และมีพยายหลักฐานมายืนยันว่าบริษัทกระทำความผิดหรือไม่ โดยมองว่าโดนกลั่นแกล้งหลังจากบริษัทต่อสู้เกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
"ผมยืนยันว่าผมโดนกลั่นแกล้ง แต่เรายังแข็งแรง...ผมแคร์ผู้โดยสาร ผมถึงต้องสู้ แต่กระบวนการนี้ล้มผมไม่ได้ ผู้ถือหุ้นก็ให้การสนับสนุนผมตลอดเวลา เพราะเขาเข้าใจผมดี"
ข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของบริษัทอย่างมาก และมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 13 ราย ซึ่งรวมถึงบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กับ BTSC โดยเป็นการกล่าวหาในเรื่องกระทำการทุจริตในสัญญาการให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงโครงการทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท สถานีอ่อนนุช-แบริ่ง , สายสีลม สถานีสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และการต่อสัญญาว่าจ้างเดินรถไฟฟ้าในเส้นทางสถานีหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน ซึ่งจะหมดสัญญาสัมปทานในปี 2572 ออกไปอีก 13 ปี เพื่อให้ทั้ง 3 เส้นทางไปสิ้นสุดพร้อมกันในปี 2585
ขณะที่นายสุรพงษ์ กล่าวว่า กรณีนี้ยังคงเป็นเพียงข้อกล่าวหาจาก ปปช. เท่านั้น โดย บีทีเอส ยังไม่ถูกฟ้องร้องหรือดำเนินคดีแต่อย่างใด และมีสิทธิคัดค้านเพื่อแก้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการกฎหมาย และยืยันว่า การทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ดำเนินการมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีการฮั้วประมูลใดๆ
เรื่องนี้มีขบวนการที่ต้องการให้บีทีเอสได้รับความเสียหายถึงขนาดให้ล้มละลายเลย เริ่มตั้งแต่การไม่จ่ายเงินค่าจ้างเดินรถ และค่าระบบให้บีทีเอส จำนวนกว่า 40,000 ล้านบาท จนบีทีเอสต้องฟ้องศาลบังคับให้ชำระหนี้และศาลปกครองกลางได้พิพากษาแล้วให้ชำระหนี้ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการชำระ และปล่อยให้พอกพูนมาเป็นจำนวนเกือบ 50,000 ล้านบาทแล้ว หลังจากนั้นก็เอาเรื่องนี้มาเล่นงานเอกชน
โดยเฉพาะการสมคบกันเอาข้อมูลของ ป.ป.ช.มาออกข่าว เพื่อหวังให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจและความเชื่อมั่นของบีทีเอส และก็เป็นไปอย่างที่ต้องการ คือ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาหุ้น BTS ร่วงหนัก แต่ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เข้าใจเรา ทำให้ราคาขยับขึ้นมายืนที่ใกล้เคียงราคาเดิม
"อยากถามว่าการที่ออกมามาต่อสู้เพื่อความถูกต้องในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม พวกคุณเล่นงานผมถึงขนาดนี้เลยหรือ"นายสุรพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลของ ป.ป.ช.หลุดออกมายังสื่อมวลชนได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ เป็นข้อมูลในสำนวน แม้กระทั่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาให้กับบริษัทยังตีตรา "ลับ" แสดงให้เห็นว่ามีขบวนการจ้องทำลาย BTS อยู่จริง
ปัจจุบันหนี้ที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยังคงค้างชำระกับบริษัทสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท โดย ณ เดือนก.พ.66 มีหนี้ค่าจ้างเดินรถ 3 สายรวม 27,000 ล้านบาท และงานติดตั้งเครื่องกลและรถไฟฟ้าอีก 22,800 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยด้วย ขณะที่ BTS ยังคงลงทุนต่อเนื่อง บริษัทได้ร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก มูลค่าลงทุน 8 แสนล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ได้เซ็นสัญญาเมื่อปี 63 จนวันนี้ยังไม่มีหนังสือให้เริ่มงาน ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนไปกว่า 3 พันล้านบาททั้งค่าใช้จ่ายในการออกแบบ การว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น
ด้านนายสุชาติ กล่าว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทจะทำหนังสือถึง ปปช. เพื่อให้ชี้แจงข้อกล่าวหากับ BTSC ว่าได้กระทำผิดอะไร เมื่อไหร่ รวมถึงให้ชี้พยานหลักฐานร่วมรับผิดชอบคืออะไร นอกจากนี้จะทำหนังสืออีกฉบับหนึ่งถึง ปปช. เกี่ยวกับเอกสารลับของคณะกรรมการ ปปช.หลุดออกมาได้อย่างไร และเตรียมฟ้องกลับผู้ที่กล่าวหาบริษัท
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองที่นำข้อมูลออกมาพูดนั้นเป็นข้อมูลคล้ายกับของที่ BTS มี นายสุชาติ กล่าวว่า เอกสารที่นายชูวิทย์เปิดเผยเคยเป็นเอกสารชี้แจงคณะกรรมาธิการของสภาหลายครั้งแล้ว ซึ่งนายชูวิทยฺ์นำมาเล่าให้เข้าใจง่ายๆ ยืนยันว่าเราไม่เคยจ่ายเงินให้นายชูวิทย์ให้ช่วยต่อสู้เรื่องรถไฟสายสีส้ม เชื่อว่านายชูวิทย์ทำไปเพราะเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในสังคม
*สภาพคล่อง BTS ยังดี
ด้านนายสรยุทธ์ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน BTS กล่าวว่าปัจจุบัน BTS มีสภาพคล่องดีอยู่ และในปีนี้ บริษัทจะเริ่มเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ในเดือนมิ.ย.66 และเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงช่วงแคราย - มีนบุรี ในเดือน ส.ค.66 ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับรายได้จากการเดินรถทั้งสองสายปีละ 2 พันล้านบาท และได้รับเงินอุดหนุนงานโยธาอีกปีละ 4.7 พันล้านบาท เป็นระยะเวลา 10 ปี
นอกจากนี้ บริษัทได้งานบริหารการเดินรถและซ่องบำรุง (O&M) โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สาย (สาย M6 และ M81) ซึ่งบริษัทร่วมทุนที่จะเปิดในปี 68 จะมีรายได้เข้ามารวม 2 สายปีละ 2 พันล้านบาท และได้รับเงินอุดหนุนงานติดตั้งระบบเก็บค่าผ่านทาง ปีละ 1 พันล้านบาท (รวม 2 สาย) ระยะเวลา 20 ปี
นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน วงเงินราว 1 หมื่นล้านบาทในช่วงกลางปี 66