NVLคาดรับจำนำทะเบียนรถดันรายได้-กำไรปีนี้โตเท่าตัว/โต้ข่าวดึงตปท.ร่วมทุน

          นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.นวลีสซิ่ง(NVL) กล่าวว่า ธุรกิจรับจำนำทะเบียนรถที่บริษัทเพิ่งเริ่มดำเนินการเมื่อกลางปี 50 ทำให้พอร์ตของบริษัทในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อของบริษัทในปีนี้จะสูงขึ้นอีก 1.5 พันล้านบาท เป็นประมาณ 4 พันล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท 
          ประกอบกับ บริษัทได้เพิ่มตัวแทนรับจำนำทะเบียนรถ ภายใต้แบรนด์"นวเอ็กซ์เพรส"ที่บริษัทตั้งเป้าจะขยายให้เป็น 200 แห่งภายในมิ.ย.นี้จากปัจจุบันที่มีอยู่ 148 แห่ง โดยในไตรมาส 2/51 จะเน้นขยายตัวแทนที่ภาคใต้ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ได้แก่ นครศรีธรรมราช และภูเก็ต 
          พร้อมกันนั้น บริษัทยังมีแผนขยายปริมาณการปล่อยสินเชื่อของตัวแทนแต่ละแห่งเพิ่มอีกเท่าตัวในปี 52 จากเดือนละ 1 ล้านบาทเป็น 2 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้พอร์ตสินเชื่อมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาทได้ 
          นายรัตนชัย กล่าวว่า ผลประกอบการในปีนี้ทั้งรายได้และกำไรสุทธิคาดว่าจะเพิ่มเป็นเท่าตัวในทิศทางเดียวกับพอร์ตสินเชื่อ จากปี 50 มีรายได้รวม 300 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.67 ล้านบาท  และคาดว่าปีนี้จะจ่ายปันผลได้มากกว่าปีก่อนที่จ่าย 0.015 บาท/หุ้น
          เนื่องจากในปีนี้บริษัทน่าจะมีกำไรขั้นต้นสูงกว่า 5% จากระดับ 3% ในปีก่อน ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มมาที่ 2-3% จาก 1.3% ในปีก่อน หลังจากบริษัทสามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน โดยเฉพาะการบริหารจัดการทรัพย์สิน จากที่บริษัทหันมารับจำนำทะเบียนรถแทนการรับจำนำรถยนต์
          ไตรมาส 1/51 พอร์ตที่เป็นสินเชื่อทะเบียนรถมีสัดส่วน 20% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในไตรมาส 2/51 และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 60% และ 70% ในไตรมาส 3/51 และ ไตรมาส 4/51 ตามลำดับ โดยปี 52 คาดว่าสินเชื่อรับจำนำทะเบียนรถจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 80% ส่วนที่เหลือในพอร์ตเป็นสินเชื่อรถยนต์ที่บริษัทเพิ่งอนุมัติเมื่อปี 50 
          นอกจากนั้น การหันมารับจำนำทะเบียนรถ ยังทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้เสียลดลงเหลือ 2.75% ในไตรมาส 1/51 จากก่อนหน้านี้ ณ สิ้นมิ.ย.50 อยู่ที่ 8% โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะลดลงให้เหลือต่ำกว่า 2% 
          นายรัตนชัย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจรับจำนำสิ่งของประเภทอื่น โดยมองว่าทองคำและเพชรเป็นสิ่งของที่มีสภาพคล่อง น่าจะเป็นไปได้มาก คาดว่าจะได้ข้อสรุปและเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทในช่วงไตรมาส 3/51 และใช่วงไตรมาส 2/51 จะมีบริษัทไฟแนนซ์ราว 3 แห่งที่จะว่าจ้างให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่เป็นรถยนต์ราว 2 พันคัน มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท
          บริษัทยังมีแนวทางจะเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมด้วยการเสนอบริการประภันชีวิตผู้จำนำทะเบียนรถยนต์ ซึ่งเป็นการเสนอบริการภาคบังคับ 
          "นวฯ มาถูกทางแล้ว ที่เราเปลี่ยนมารับจำนำทะเบียนรถยนต์อย่างเดียว เราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ตอนนี้เราเหมือนสเวนเซ่นที่ขายแต่ไอศครีมอย่างเดียว ถ้ามีรายอื่นทำก็ไม่กลัว เพราะตลาดมันกว้าง และไม่คิดว่าจะมีรายไหนจะมาทำรับจำนำทะเบียนรถอย่างเดียวกับเรา...ในเมื่อนวฯ เป็นเจ้าพ่อรับจำนำแล้ว เราก็จะทำรับจำนำอย่างอื่นต่อไป ถือว่าเป็นการปรับรูปแบบธุรกิจใหม่" นายรัตนชัย กล่าว  
          นายรัตนชัย ยังปฏิเสธกระแสข่าวลือที่ระบุว่า บริษัทกับเจรจาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุน แม้จะยอมรับว่าที่ผ่านมามีกองทุนต่างประเทศสนใจเข้าร่วมทุน แต่บริษัทเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็น เพราะขณะนี้ยังมีความสามารถในการหาแหล่งเงินกู้ได้ดี โดยมี D/E ที่ 1.1 เท่า และผู้ถือหุ้นในปัจจุบันไม่ต้องการลดสัดส่วนหุ้นลง 
          แต่บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี ให้กับกองทุนต่างประเทศ 3 แห่งที่มาประเทศในแถบเอเชีย 
          "นวฯ เมื่อ 5 ปีที่แล้วเคยมี ROE เติบโตถึง 7.7% ซึ่งเราคาดว่าในปีหน้าเราจะทำให้ได้ โดยในปี 51 คาดว่า ROE จะเพิ่มเป็น 2 เท่าจาก 1.3% ในปี 50"นายรัตนชัย กล่าว  
          ส่วนการที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาในวันนี้ นายรัตนชัย กล่าวว่า น่าจะมาจากกระแสการเข้าลงทุนหุ้นขนาดเล็กที่มีอัตราการเติบโตดี