นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากการที่ Dot plot บ่งชี้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จบแล้ว ซึ่งคาดว่าจะขึ้นอีกเพียง 1 ครั้ง เป็นบวกต่อตลาดหุ้น แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะส่งสัญญาณยุติการลดขนาดสินทรัพย์ (QT) ทำให้ตลาดหุ้นยังไม่เห็นทิศทางการกลับไปฟื้นตัวได้เต็มที่
ขณะที่ปัจจัยกดดันตลาดวันนี้อาจได้รับผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่กลับมาปรับลงอีกครั้ง จากความกังวลปริมาณการผลิตน้ำมันล้นตลาด ส่งผลกดดันต่อหุ้นพลังงานที่มีน้ำหนักกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับลงเล็กน้อย
โดยให้แนวต้าน 1,610 จุด แนวรับ 1,580 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,105.25 จุด เพิ่มขึ้น 75.14 จุด หรือ +0.23%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,948.72 จุด เพิ่มขึ้น 11.75 จุด หรือ +0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,787.40 จุด เพิ่มขึ้น 117.44 จุด หรือ +1.01%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,368.62 จุด ลดลง 50.99 จุด หรือ -0.19%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,919.65 จุด ลดลง 129.99 จุด หรือ -0.65% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,282.74 จุด ลดลง 3.91 จุด หรือ -0.12%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มี.ค.66) 1,593.65 จุด เพิ่มขึ้น 8.57 จุด (+0.54%) มูลค่าการซื้อขาย 49,431.84ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,141.43 ลบ.เมื่อวันที่ 23 มี.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (23 มี.ค.)ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 69.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มี.ค.) อยู่ที่ 7.78 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.09 แนวโน้มแข็งค่าตามภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 33.90-34.25
- ส.อ.ท.โชว์ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.พ.ปีนี้โต 6.39% รวมกว่า 1.65 แสนคัน รับอานิสงส์กำลังผลิตชิปคืนตลาดสูง พร้อมเผยยอดส่งออกเป็นบวกจากปีก่อน 11.42% ชี้ตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกาโต
- "พาณิชย์" เผยสหรัฐจับตาสินค้า 5 ชาติรวมไทยส่งเข้าสหรัฐสวมสิทธิแปลงสัญชาติสินค้าที่ผลิตจากซินเจียง ประเทศจีน ละเมิดมาตรการ UFLPA ใช้แรงงานทาส ละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมเฝ้าระวังสินค้าไทยใกล้ชิด หวั่นถูกสุ่มตรวจละเอียดขึ้น ผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มไทยเร่งปรับตัวเลี่ยงวัตถุดิบจีน
- ส.อ.ท.ตั้งคำถามส่งถึงรัฐบาลถึงการบริหารจัดการไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนทุกคน ตลอดจนถือเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของภาคธุรกิจที่กำลังเร่งฟื้นฟูในช่วงภาวะเศรษฐกิจของโลกชะลอตัว และแข่งขันรุนแรงในระดับประเทศจากที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กพพ.) ได้ประกาศค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.นี้ ที่ 4.77 บาททุกกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้า
- ททท.หารือเอเจนซี่ไต้หวัน ฮ่องกง และสมาคมนำเที่ยวอย่างใกล้ชิด ดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวไทยไม่มีการแอบแฝงของบรรดากลุ่มธุรกิจจีนสีเทาที่อาศัยช่องว่างโดยให้คนไทยเป็นนอมินี อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนในไตรมาสแรกปี 66 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 4 แสนคน จากเดิมประเมินไว้ 3 แสนคน เฉลี่ย 80,000-90,000 คนต่อวัน ส่วนในไตรมาสสองคาดฟื้นตัวต่อเนื่องและอาจมากกว่าไตรมาสแรก
*หุ้นเด่นวันนี้
- HTC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.25 บาท ประเมินภาพปี 66 จะฟื้นตัวได้ดี โดยในฝั่งรายได้มีแรงหนุนจาก Covid-19 คลี่คลาย การกลับมาของนักท่องเที่ยว การปรับราคาสินค้าขึ้น และ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 50% (คาดเริ่มปีนี้) ฝั่งมาร์จิ้นคาดปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนผ่อนคลาย ทั้งต้นทุนเชื้อเพลิง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ คาด EPS ปี 66 และ ปี 67 ฟื้นต่อเนื่องจากปี 65 ที่ 2.16 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 2.70 บาท/หุ้น, และ 2.99 บาท/หุ้น ตามลำดับ
- BGRIM (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 48 บาท) ได้อานิสงส์ราคาพลังงานปรับลง ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า ส่วนค่า Ft ที่ปรับลงไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากได้รับการชดเชยจากต้นทุนก๊าซที่ลดลงในอัตราที่มากกว่า