เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้วหลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหลายพื้นที่ของไทยจะร้อนระอุ พยากรณ์อุณหภูมิสูงสุดอาจพุ่งทะลุ 40 องศา ทำให้หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากฤดูร้อน หรือกลุ่ม Summer Plays จะกลับมาคึกคักกันอีกรอบ เพราะความร้อนจัดจะส่งผลดีต่อ Upside รายได้และกำไร
บล.กรุงศรี พัฒนสินฯ มองว่า สถานการณ์ฤดูร้อนที่อาจหนักหนาสาหัสจะช่วยหนุนจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนหุ้นกลุ่ม Summer Plays ที่ได้ประโยชน์ จากการรวบรวมข้อมูล พบว่าในปีนี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงเผชิญ "เอลนีโญ" คือ ฝนตกน้อย แห้งแล้ง และความร้อนมากกว่าปกติ พลิกจากเดิมที่ไทยอยู่ในสภาวะลานีญามานาน 3 ปี จึงเชื่อว่ามีโอกาสลุ้น Upside มากกว่าปีปกติ
หุ้นรับประโยชน์ช่วงหน้าร้อน หรือ Theme Summer Plays ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่ม, ร้านอาหาร, ค้าปลีก-ห้าง และก่อสร้าง อิงสถิติช่วง Summer ย้อนหลัง 5 ปี พบว่า หุ้นกลุ่มนี้มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดราว 2-6% เสมอ อิงกลยุทธ์กำหนดซื้อหุ้นวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายทำกำไรภายในระยะ 1, 2 และ 3 เดือน ตามลำดับ
กลุ่ม Summer Plays ที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาด ระยะสั้นเน้น OSP, ICHI, SAPPE , CPALL, CPN
*มุมมองผลประกอบการรายตัวกลุ่ม Summer Plays
บล.กรุงศรี พัฒนสิน คาดว่า กำไรในปี 66 ของบมจ.โอสถสภา (OSP) จะเติบโตกว่าปีก่อน โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายและกำไรสุทธิปี 66 โตเกิน 10% yoy มาจากส่วนแบ่งตลาด energy drink เริ่มทรงตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/66 (47.3%) ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอีก 2 ppt ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ธุรกิจ functional drink และของใช้ส่วนตัวมีแนวโน้มเติบโตดี อีกทั้งประสิทธิภาพดีขึ้น และ margin เพิ่มขึ้น (25-50 bps) หลังจากปิดโรงงานแก้ว รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบทรงตัว หรือมีโอกาสลดลง
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้นอีก 4% และ 8% เป็น 3.39 พันล้านบาท และ 4.18 พันล้านบาท ตามลำดับ หลังจากที่ปรับเพิ่มประมาณการยอดขาย, ปรับอัตรากำไรขั้นต้น และปรับลดสมมติฐานสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลง ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 36.50 บาท คำนวณด้วยวิธี DCF โดยใช้สมมติฐาน WACC ที่ 7.8% และ terminal growth rate ที่ 2%
บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) ปี 66 ยังเป็นภาพการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และอัตรากำไรที่ดีขึ้น โดยคาดกำไรปีนี้เติบโต 723 ล้านบาท (+13% y-y) ยังมี Upside risk จากเป้ารายได้ของบริษัทที่คาดโต 15% (เราคาด +10% y-y) จากทั้งตลาดชายังคงเติบโต, สินค้าใหม่ รวมถึงงาน OEM และ Gross margin ที่จะฟื้นเร็วกว่าคาด และสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยตั้งเป้า Gross margin มากกว่า 20% (เราคาด 18.8%)
กำไรในไตรมาส 1/66 และไตรมาส 2/66 คาดเพิ่มขึ้น y-y, q-q จากเข้า high season และเงินปันผล 0.6 บาท (yield 4.7%, XD 5 พ.ค.) ช่วยจำกัด Downside แนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 15.6 บาท อิง PER 28 เท่า โดยหุ้นซื้อขาย PER23F 23 เท่า ยังต่ำกว่ากลุ่มซึ่งสูง 25-30 เท่า
บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) คงประมาณการกำไรปี 66 ไว้ที่ 760 ล้านบาท หรือเติบโต 16% และรายได้ที่ 5,466 ล้านบาท เติบโต 20% เทียบเป้าบริษัท ที่ขั้นต่ำ 25%) ยังมี Upside risk ทั้งจากรายได้และ Gross margin โดยรวมแนวโน้มยอดขายเติบโตดีมากในต่างประเทศเป็นช่วงเก็บเกี่ยว จากสินค้า Mogu Mogu ที่ติดตลาด อยู่ในช่วงเร่งขยายจุดจำหน่าย พร้อมแผนเพิ่ม Capacity ราว 30% (เพิ่มประสิทธิภาพ, เพิ่มไลน์ผลิต, จ้าง OEM สินค้าในประเทศ) ตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค.66 สะท้อนแนวโน้มยอดขายระดับสูง
เบื้องต้นเรามองกำไรไตรมาส 1/66 ยังเติบโตเด่นในกรอบ 20-25% y-y และมีลุ้น upside เพิ่มเติม ซึ่งด้านต้นทุนวัตถุดิบเริ่มผ่อนคลายลง โดยบริษัทฯ มีสต็อกวัตถุดิบใหม่คาดราคาต่ำกว่าช่วงครึ่งปีหลังราว 10-20% ขณะที่ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการบริษัทฯ โดยทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าจะเป็นผลบวกต่อกำไรสุทธิ 66 ที่ 4%
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 64 บาท อิง PE26 เท่า
บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ภายใต้กิจกรรมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัวแรง ช่วยหนุน SSSG ฟื้นตัวต่อเนื่อง และยังเน้นเปิดสาขา 700 แห่ง/ปี ควบคู่กับการผลักดัน Margin เป้า 20 bps (กลุ่มอาหาร, Personal care) รวมถึง MAKRO คาดดีขึ้น ทั้งภาระดอกเบี้ยลด และ Synergy กับโลตัส หวังผลในครึ่งปีหลัง โดยรวมคาดกำไรปี 66 ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 47% และระยะสั้น SSSG ม.ค.-ก.พ. ยังอยู่ในจุดดี +11-12% y-y
Valuation ซื้อขายบน PER23F 31 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยที่ 30-35 เท่า มองเป็นจุดทยอยสะสมได้ โดยการเลือกตั้งใกล้เข้ามา ช่วยหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจ และล่าสุดรับประโยชน์ปรับลดค่าไฟ -11% ในพ.ค.-ส.ค.66
คงคำแนะนำ "TRADING BUY" โดยมีราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 70 บาท
หุ้น คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) ปี 66 OSP ซื้อ 36.50 ICHI ซื้อ 15.60 SAPPE ซื้อ 64.00 CPALL ซื้อ 70.00