นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า วันนี้หุ้นของบริษัทย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์เป็นวันแรก จากเดิมที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
หุ้น PJW เมื่อเวลา 10.33 น.อยู่ที่ 4.38 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง โดยเปิดเทรดเช้าวันนี้ที่ 4.36 บาท
การย้ายเข้าจดทะเบียนใน SETครั้งนี้ จะเอื้ออำนวยและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ขยายฐานนักลงทุนให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะประเภทนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ น่าจะมีความสนใจสามารถเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการลงทุนได้มากขึ้น รวมทั้งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องการซื้อ-ขายหุ้น ตลอดจนรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต
"บริษัทมั่นใจว่าการย้ายเข้าเทรด SET ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก ลดข้อจำกัดในการเพิ่มน้ำหนักของนักลงทุนสถาบัน โดยทีมผู้บริหารพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้ง สร้างรายได้และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมายังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ไว้ได้ แม้จะเผชิญความท้าทายจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้นในทุกๆด้านทั้งส่วนของความผันผวนของราคาวัตถุดิบจากผลกระทบของสงครามยูเครน-รัสเซีย ต้นทุนค่าแรงงาน ค่าพลังงานและค่าขนส่ง รวมไปถึงอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินบาทที่อ่อนตัวเมื่อเทียบกับปี 64 "
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PJW กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 66 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อนโดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% เนื่องจากภาครัฐเดินหน้านโยบายเปิดเมืองเต็มรูปแบบรวมถึงประเทศจีนเปิดประเทศได้เร็ว ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าหลักของบริษัทในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว
รวมถึงชิ้นส่วนยานยนต์ที่ปัญหาเรื่องชิปคลี่คลายและยอดขายกลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากมีสัญญานเศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัวทั้งภาคการท่องเที่ยวและภาคการผลิต โดยเฉพาะยอดขายจากชิ้นส่วนยานยนต์จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการรถโมเดลรุ่นใหม่ๆในปีนี้ หลังจากที่ชะลอมาในช่วงสถานการณ์โควิดและปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน รวมถึงยอดขายกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นที่จะกลับมาฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศ
อีกทั้ง บริษัทยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยอยู่ระหว่างเพิ่มสายการผลิตในส่วนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างแน่นอน