ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,602.49 จุด ลดลง 8.03 จุด (-0.50%) มูลค่าซื้อขายราว 22,112 ล้านบาท
การซื้อขายในช่วงเช้านี้ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยขึ้นไปสูงสุดที่ 1,611.96 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ 1,601.03 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าแกว่งตัวลงหลังจากตอบรับปัจจัยต่างๆ ไปแล้ว ทำให้มีแรงขาย Sell on fact ออกมากดดัน แต่มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบาง ประกอบกับ ตัวเลขส่งออกไทยไตรมาส 1/66 ประกาศออกมายังหดตัว และมีแนวโน้มหดโตต่อเนื่องในไตรมาส 2/66 สะท้อนภาพปัจจัยฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันคาดว่าแรงกดดันอีกส่วนหึ่งมาจากการปิดสถานะสัญญา TFEX ซีรีย์ H ที่จะหมดอายุในสิ้นเดือนมี.ค. รวมถึงอาจจะแรงขายลดความเสี่ยงระหว่างรอรายงานดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สหรัฐเดือนก.พ.66 ปลายสัปดาห์นี้ หากออกมาสูงกว่าคาดอาจกดดันตลาดหุ้นอีกครั้ง เพราะทำให้ตลาดกลับมากังวลการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน
แนวโน้มในช่วงบ่ายคาดว่าแกว่งไซด์เวย์ในแดนลบต่อ เนื่องจากช่วงนี้ยังไร้ปัจจัยใหม่ และรอปัจจัยสำคัญจากฝั่งสหรัฐที่จะรายงานออกมา โดยให้แนวต้าน 1,610 จุด แนวรับ 1,590 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 985.22 ล้านบาท ปิดที่ 29.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
AS มูลค่าการซื้อขาย 888.01 ล้านบาท ปิดที่ 14.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 791.70 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 717.85 ล้านบาท ปิดที่ 998.00 บาท ลดลง 8.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 685.26 ล้านบาท ปิดที่ 103.00 บาท ลดลง 0.50 บาท