นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) กล่าวว่า ในปีนี้เชื่อว่า Gross margin ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นกว่า 47.80% ในปีก่อน หลังจากที่บริษัทหันไปรับงานในต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่งานในประเทศที่ภาครัฐเปิดประมูลมีน้อยโดยมาร์จินในประเทศจะอยู่ที่ 10-12% ขณะที่มาร์จินในต่างประเทศจะมากกว่า 12% ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัทในการปรับกลยุทธ์การขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้าต่างประเทศเพื่อกลับมาขายไฟฟ้าในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศลาว พม่า และกัมพูชา รวมถึงพลังงานหมุนเวียนด้วย
"ถึงแม้เราจะพลาดการประมูลโรงไฟฟ้า IPP ก็ไม่เป็นไร เพราะเท่าที่ประเมินเห็นว่าผู้ที่ได้รับ ยอมได้ return ในระดับต่ำ ซึ่งไม่คุ้มเมื่อเทียบกับงานต่างประเทศที่มี return ดีกว่า"นายวิศิษฎ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้ตั้งทีมศึกษาในการนำเชื้อเพลิงชนิดใหม่เพิ่มเติมเพื่อทดแทนราคาน้ำมันที่และราคาถ่านหินที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงานแน่นอน ปัจจุบันได้หาพลังงานที่มาทดแทนแล้วคือ ถ่านหิน ขยะ และอยู่ระหว่างการศึกษาพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ซึ่งเป็นแผนระยะยาว
ทั้งนี้ ยอมรับว่ารายได้ที่มาจากโรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้าระยองในปีนี้จะลดลงเนื่องจากสัญญาอยู่ในช่วงปลายของสัญญาซึ่งอาจจะกระทบเล็กน้อยแต่การที่บริษัทมีโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 ซึ่งจะช่วยชดเชยได้ และยังทำให้มีกำไรอยู่ มองว่าในปีนี้ยังมีความสามารถในการเติบโตทั้งในส่วนของรายได้และกำไรที่จะโต 10% จากปีก่อน โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 จะต้องใช้เวลา 2 ปีถึงจะ peak เพราะต้องใช้เวลาสร้าง
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--