นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้น เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดหุ้นทั่วโลกโดยมีปัจจัยหนุนจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไปต่ำกว่าคาด โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
ประกอบกับล่าสุดกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรง เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่น่าจะบวกขึ้นนำตลาดได้ในวันนี้
ส่วนปัจจัยที่จะเข้ามาถ่วงตลาดในวันนี้ จะเป็นหุ้น DELTA หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งใช้ Cash Balance ถึงวันที่ 21 เม.ย.66
ให้กรอบแนวต้านไว้ที่ 1,620-1,630 จุด และ แนวรับ 1,600 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (31 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,274.15 จุด เพิ่มขึ้น 415.12 จุด หรือ +1.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,109.31 จุด เพิ่มขึ้น 58.48 จุด หรือ +1.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,221.91 จุด เพิ่มขึ้น 208.44 จุด หรือ +1.74%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 28,203.35 จุด เพิ่มขึ้น 161.87 จุด หรือ +0.57%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,379.50 จุด ลดลง 20.61 จุด หรือ -0.10% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,277.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.48 จุด หรือ +0.13%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 มี.ค.66) 1,609.17 จุด เพิ่มขึ้น 3.75 จุด (+0.23%) มูลค่าการซื้อขาย 43,181.51 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,461.95 ลบ.เมื่อวันที่ 31 มี.ค.66
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.(31 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ หรือ 1.75% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 มี.ค.) อยู่ที่ 5.86 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.35 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน ให้กรอบวันนี้ 34.15-34.40
- แบงก์ชาติปิดจ็อบมาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้" 9 เม.ย.นี้ ปล่อย สินเชื่อกว่า 7 หมื่นล้านบาท ช่วยชีวิตผู้ประกอบการโรงแรม-ท่องเที่ยวราว 466 ราย "กสิกรไทย" เผยอุ้มลูกหนี้เข้าโกดังพักหนี้เกือบ 3 หมื่นล้าน ยังเร่งเจรจาเพิ่มอีก 1-2 ราย แบงก์กรุงเทพเห็นสัญญาณลูกค้าโรงแรมขอไถ่ถอนทรัพย์ก่อนกำหนดเหตุท่องเที่ยวฟื้นตัว
- เปิดใจ "จุฬา สุขมานพ" เลขาฯอีอีซีคนใหม่ เร่งทบทวนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี จัดไพโอริตี้รับเทรนด์ใหม่ ดึงเม็ดเงินลงทุน 2.2 ล้านล้านบาทในปี 2570 ลุยแก้ปัญหา-เร่งรัด 4 โครงการ PPP มูลค่า 6.3 แสนล้านบาท ลั่นรับได้ UTA ลดเฟสพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาเฟส 1 แก้ปมเร่งรันเวย์ 2 พร้อมหาข้อสรุปเอกชนขอผ่อนผันไม่ปฏิบัติตามสัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน
- กทพ.ลุ้น 7 เม.ย. เอกชนยื่นซองชิงสัมปทานทางด่วน "กะทู้-ป่าตอง" 1.7 หมื่นล้าน รับต้นทุนค่าก่อสร้างเพิ่ม แบะท่าหากยื่นรายเดียวเข้าร่วมทุนฯ ได้ เร่งสรุปศึกษาทางด่วน "เมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้" 3.58 หมื่นล. รอชง ครม.ใหม่ ปลายปี 66
- "วรัชญา-พรอนงค์" ติดโผ 2 รายชื่อถูกเสนอชิงดำนั่งเลขาฯ ก.ล.ต.คนใหม่ ชง รมว.คลัง เคาะเหลือชื่อเดียว ก่อนส่งเข้าที่ประชุม ครม.อนุมัติ ส่วนเจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง "รื่นวดี สุวรรณมงคล" หลุดโผ หมดลุ้นได้ต่อวาระ
*หุ้นเด่นวันนี้
- BDMS "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/66 คาดเติบโตต่อเนื่อง q-q หนุนจากผู้ป่วยต่างชาติ Fly-in ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดรายได้ 1QTD +6% y-y ส่วนภาพทั้งปี 2023 ผู้บริหารมองรายได้โต 6-8% y-y แม้ฐานสูง แต่ได้แรงหนุนจากจีนและซาอุฯที่เร่งตัว เราคาดกำไรปี 2566 +7% y-y และมี Upside หาก EBITDA Margin ทำได้ดีกว่าคาด และเป็นหุ้นที่คาดเคลื่อนไหวได้แข็งแรงกว่าตลาดในภาวะที่ผันผวนปัจจุบัน
- GUNKUL (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 5.35 บาท ดักเก็งกำไร วันที่ 5 เม.ย. กพพ.ประกาศผลประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,200MW คาด GUNKUL มีโครงการที่ชนะประมูลมากที่สุดของผู้เข้าประมูลทั้งหมดหนุนรายได้จากธุรกิจไฟ้ฟ้าและธุรกิจรับเหมาฯ เพิ่มขึ้น
- STEC(คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท ประเมินธุรกิจปี 2566 สดใสมากขึ้นหลังปัจจัยกดดันอย่างปัญหาแรงงานขาดแคลงเริ่มผ่อนคลาย พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่ง จาก Backlog ที่มีกว่า 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งหลายโครงการจะเข้าสู่ช่วงของการรับรู้รายได้มากขึ้น อย่างเช่นรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ด้านผู้บริหารวางเป้า ปี66 นี้จะประมูลงาน 2 แสนล้านบาท(เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง, โครงการรถไฟทางคู่ "ขอนแก่น-หนองคาย", โครงการมอเตอร์เวย์ เส้นทางเข้าอู่ตะเภา) เป้ารายได้ 3.2-3.3 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราคาดว่าในปี66 และ67 กำไรสุทธิของ STEC จะฟื้นตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 910 ลบ. (+6.08%YoY) และ 968 ลบ.(+6.35%YoY) ตามลำดับ