ใครที่เป็นผู้ใช้งาน Twitter ลอง Log In เข้าบัญชีผ่านเว็บไซต์จะพบว่าโลโก้นกสีฟ้าที่เราเห็นกันจนชินตา ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นโลโก้ของเหรียญ Dogecoin เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมราคาเหรียญยังขยับขึ้นกว่า 30% ตอบรับการเปลี่ยนโลโก้ งานนี้สาวก Dogecoin มีเฮ!!
*Twitter เปลี่ยนโลโก้ ดันราคา dogecoin พุ่ง
เมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมา หลายคนที่ตื่นขึ้นมาเช็ก Twitter ก็ต้องเกิดอาการงุนงงสับสนกันว่า เราตาฝาดหรือเปล่า? ทำไมโลโก้ Twitter มันกลายเป็นเจ้าหมาน้อยชิบะ โลโก้ของเหรียญ Dogecoin ไปเสียได้
ไม่ต้องแปลกใจเพราะ Twitter ได้เปลี่ยนโลโก้ไปแล้วจริง ๆ และถ้าใครเข้าใช้งาน Twitter ผ่านเวบไซด์ตอนนี้ก็จะพบว่าเจ้าโลโก้นกน้อยสีฟ้าที่คุ้นตา ได้ถูกแทนที่ด้วยเจ้าหมาชิบะ Dogecoin ไปเสียแล้ว
Elon Musk เจ้าของทวิตเตอร์ในปัจจุบันยังได้โพสมีมว่ารูปนกนั้นคือรูปเก่าของเราเอง และยังอ้างถึงทวีตตั้งแต่มีนา 2022 ที่ได้มีคนบอกให้เขาซื้อ Twitter และเปลี่ยนโลโก้เป็น Dogecoin และวันนี้ก็ได้ Tweet ว่าทำตามสัญญาแล้วนะ
แต่การเปลี่ยนโลโก้ครั้งนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวหรือว่าถาวร แต่ต้องขอบอกว่าแค่นี้ก็ทำให้ราคาของเหรียญ Dogecoin พุ่งทะยานไปมากกว่า 30% กันเลยทีเดียว
*Ethereum Shapella มาแล้ว ราคาจะเป็นยังไงต่อไป
ใกล้เข้ามาทุกทีกับ Ethereum Shapella ที่คาดการณ์ว่าจะเกิดในวันที่ 12 เม.ย. นี้ วันนี้เราจะมาสรุปประเด็นหลัก เพื่อรับมือ Ethereum Shapella กัน
ต้องท้าวความกันไปถึงการอัพเกรดก่อนหน้าอย่าง The Merge กันก่อน หลัก ๆ ก็คือการที่ระบบการทำงานของ ETH ถูกเปลี่ยนจาก Proof of Work มาเป็น Proof of Stake ซึ่งหมายว่าว่าตั้งแต่ The Merge, ETH จะขุดไม่ได้แล้ว จะเกิดจากการ staking เท่านั้น คราวนี้ก็มาถึงการอัพเกรดครั้งต่อไปอย่าง Ethereum Shapella กันบ้าง
จากการวิเคราะห์ของนายวรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ได้คาดการณ์ว่าการมาถึงของ Ethereum Shapella อาจส่งผลกระทบแบ่งเป็น 3 ส่วน
1) ผลกระทบโดยตรงกับราคา ETH - เหรียญ ETH ที่ถูกล็อกไว้กว่า 6 เดือนจะสามารถถอนออกมาได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเทขายในระยะสั้น แต่หากมองในระยะยาว การอัพเกรดครั้งนี้ก็จะทำให้ผู้คนเข้าถึงการล็อค ETH ที่ง่ายขึ้น รวมถึงค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ถูกลง
2) ผลกระทบกับราคาเหรียญกลุ่ม Liquid staking - เหรียญกลุ่มนี้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากการอัพเกรดครั้งนี้เช่นเดียวกัน หากการถอน ETH นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง ก็มีโอกาสที่นักลงทุนบางกลุ่มกังวลเรื่องความปลอดภัยของแพลตฟอร์มและทำการล็อกกับทาง Ethereum โดยตรง แต่ก็ยังมีปัจจัยเรื่องจำนวนล็อกขั้นต่ำ 32 ETH ทำให้ระยะสั้นอาจเกิดแรงเทขายขึ้นบ้าง แต่ในระยะยาว ปัจจัยของผู้ใช้งานก็ยังมีแนวโน้มคล้ายกับข้อข้างต้น คือการอัพเกรดนี้ทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึง ETH ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการล็อกเงินที่จำนวนไม่มากก็ยังคงใช้งานกลุ่ม Liquid staking เช่นเดิม
3) ผลกระทบต่อภาพรวม Ethereum Ecosystem - การอัพเกรดครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ค่าทำธุรกรรมถูกลง ทำให้การเข้าถึง Ethereum Ecosystem ง่ายขึ้นและจะส่งผลให้มีผู้ใช้งานบน ETH chain เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นผลดีต่อมูลค่าของแพลตฟอร์มและราคาเหรียญในภาพรวมของ Ethereum Ecosystem ต่อไป
*Cryptomind ให้กรอบราคาบิทคอยน์ Q2/66 ที่ 25,000-30,000 ดอลลาร์ท่ามกลางวิกฤติแบงก์
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Cryptomind ได้เผย "Investment Outlook 2023" จับโอกาส เทรนด์การลงทุน ท่ามกลางวิกฤติความเชื่อมั่นธนาคาร โดยใจความสำคัญที่ทางผู้บริหารของคริปโตมายด์ ได้เข้ามาแชร์เกี่ยวกับมุมมอง และภาพรวมตลาดของปีนี้
ใจความสำคัญนั่นคือ ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมบล็อกเชน เนื่องจาก Crypto Ecosystem ของประเทศไทยที่พร้อมกว่าประเทศอื่น อีกทั้ง Regulator ผู้ประกอบ ทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน และปีนี้จะเป็นปีที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "บิทคอยน์ (Bitcoin) ที่มีแนวโน้มที่ดีอย่างเห็นได้ชัด เพราะแต่เดิมราคาบิตคอยน์มักได้รับผลกระทบไปในทางเดียวกับกับตลาด Macro แต่หลังจากวิกฤติความเชื่อมั่นของธนาคารทำให้เกิดแรงหนุนในเชิงจิตวิทยาทำให้เป็นครั้งแรกที่บิทคอยน์ได้พิสูจน์ตัวเอง ส่งผลให้เกิดสภาวะที่ราคาบิทคอยน์วิ่งในทางตรงกันข้ามกับตลาด Macro
โดยทางนายพีรพัฒน์ หาญคงแก้ว CIO (ประธานเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน) จาก บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ได้ให้กรอบราคาบิทคอยน์ในไตรมาส 2 นี้ไว้ที่ 25000-30000 ดอลลาร์
https://youtu.be/fHhezRM2PCk