บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) กำหนดเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 280,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 7.95 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 2,226 ล้านบาท ระยะเวลาจองซื้อวันที่ 18-20 เมษายน 2566
บริษัทแต่งตั้ง บล.ฟินันซ่า และ บล.บัวหลวง เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ขณะที่ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ทิสโก้ บล.เอเซีย พลัส
การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้กำหนดราคาเสนอขายโดยหากพิจารณากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งเท่ากับ 603.50 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้ทั้งหมดจำนวน 1,120,000,000 หุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.54 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio : P/E) ประมาณ 14.72 เท่า
เนื่องจากกลุ่มบริษัทประกอบธุรกิจที่ครอบคลุมการจำหน่ายสินค้าและให้บริการอย่างครบวงจรแก่ลูกค้ารายย่อย จึงไม่มีบริษัทจดทะเบียนที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจยานยนต์ (SET Index: Industrials - Automotive) ที่มีการประกอบธุรกิจที่เหมือน คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ดังนั้น จึงใช้ข้อมูล P/E เฉลี่ยของดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ สินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจยานยนต์ (SET Index: Industrials - Automotive) มาพิจารณาประกอบกับดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ (SET Index: Services - Commerce) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าแก่ลูกค้ารายย่อย เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง โดยมีค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 22.54 เท่า
สำหรับสัดส่วนหุ้นของ "ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร" ที่ไม่ติด silent period จำนวน 224 ล้านหุ้น คิดเป็น 20% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (1) นางรัตนา ธรรมชวนวิริยะ (2) นางสาวศุกลกานต์ ธรรมชวนวิริยะ (3) นางสาวเจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ และ (4) นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ลงนามในสัญญาไม่จำหน่ายหุ้นที่ถือที่นอกเหนือจากส่วนที่ห้ามขายหุ้น รวมจำนวน 112,000,000 หุ้น คิดเป็น 10% เป็นระยะเวลา 180 วันนับแต่วันแรกที่หุ้นสามัญของบริษัททำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ 925 ล้านบาทไปใช้ลงทุนในบริษัท Alpha X และ/หรือชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) จากสถาบันการเงินสำหรับการลงทุนใน Alpha X ตามสัดส่วนการถือหุ้น เป็นไปตามสัญญากิจการร่วมค้า, จำนวน 123.4 ล้านบาท ชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging loan) จากสถาบันการเงิน เพื่อใช้ซื้อหุ้นบริษัท MMS จากบริษัท MMI, จำนวน 800-900 ล้านบาท ชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน, จำนวน 204.2-304.2 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เช่น ขยายศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระของ MMS และการเพิ่มจำนวนรถยนต์ Fleet สำหรับให้เช่าของ MCR เป็นต้น