นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ. กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นไทยในปีนี้ จะยังคงมีความผันผวนสูงจากปัจจัยเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพคล่องที่ลดลงจากการลดการอัดฉีดเม็ดเงินของประเทศต่างๆ เงินเฟ้อที่แม้ชะลอลงแต่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงปัญหาความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้า เป็นต้น แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยภายในประเทศที่เป็นตัวสนับสนุนซึ่งจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเติบโตได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะจากภาคบริการและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
"จากภาคบริการและภาคท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนหันมาท่องเที่ยวต่างประเทศและใช้จ่ายอย่างเต็มที่มากขึ้นหลังอั้นมาเกือบ 3 ปี ขณะเดียวกันได้มีการคาดการณ์ทิศทางกระแสเงินไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในปีนี้ หลังจากที่คาดว่าเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี และจากทิศทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มอ่อนแอลงกว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะการลงทุนในภูมิภาคเอเชียที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศของจีน
รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ค่อยๆ ฟื้นตัวจากการเติบโตของภาคบริการและการลดลงของต้นทุนการผลิตตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่คาดว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ดังนั้น คาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยในปีนี้จะมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าปีก่อนหน้า โดยการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง จะมีโอกาสให้ผลการดำเนินงานที่มั่นคงสม่ำเสมอ และอาจสามารถทนทานต่อสถานการณ์ต่างๆ เมื่อเผชิญกับวัฏจักรการขึ้นลงของเศรษฐกิจ
ดังนั้น การลงทุนในกองทุนหุ้นขนาดใหญ่จึงอาจคาดหวังผลตอบแทนที่มีผันผวนต่ำกว่าความผันของตลาดหุ้นโดยรวมและการจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างสม่ำเสมอได้ในระยะยาว เราจึงขอแนะนำกองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นทุนปันผล (KTSF) (ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6) เพื่อสร้างโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุน" นางชวินดา กล่าว
สำหรับกองทุน KTSF มีนโยบายมีกลยุทธ์การบริหารแบบเชิงรุก เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีมีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่ดี นอกจากนี้ กองทุน KTSF ได้ตอกย้ำความสำเร็จจากการบริหารจัดการ ด้วยรางวัลกองทุนตราสารทุนยอดเยี่ยมปี 2023 ประเภท กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) จากมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกทางด้านการให้บริการข้อมูลและการวิเคราะห์เกี่ยวกับการลงทุนต่างๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ กองทุน KTSF ได้แบ่งพอร์ตการลงทุนเป็น 2 แบบ คือ 1) การจัดพอร์ตลงทุนเป็นส่วนหลัก (Core Portfolio) เน้นลงทุนหุ้นที่มีความมั่นคง มีปัจจัยพื้นฐานดี มี Valuation ที่เหมาะสม เพื่อสร้างผลตอบแทนจาก Capital gain และเงินปันผลในระยะยาว และ 2) การจัดพอร์ตลงทุนเป็นส่วนเสริม (Satellite Portfolio) ซึ่งเป็นการลงทุนตามธีมการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาเพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้น-ปานกลาง โดยกลยุทธ์การลงทุนผสมดังกล่าวเพื่อมุ่งหวังให้กองทุนมีผลตอบแทนสูงกว่าตัวชี้วัดอย่างสม่ำเสมอ และมีความผันผวนน้อยกว่าความผันผวนของผลตอบแทนของตัวชี้วัดในทุกสภาวะตลาด