SET ปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,558.12 จุด ลดลง 0.24 จุด (-0.02%) มูลค่าซื้อขายราว 19,353 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวนกังวลงบ 1/66 และสัปดาห์นี้สหรัฐเปิดตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวที่มีผลต่อการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ชี้หาก SET หลุดระดับ 1,558 จุดมีโอกาสปรับลงอีก แต่ 2-3 เดือนข้างหน้าคาดตลาดฟื้น ช่วงบ่ายให้แนวรับ 1,550 จุด แนวต้านที่ 1,565 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,558.12 จุด ลดลง 0.24 จุด (-0.02%) มูลค่าซื้อขายราว 19,353 ล้านบาท
การซื้อขายในช่วงเช้า ดัชนีฯแกว่งไซด์เวย์ ทำระดับต่ำสุด 1,553.15 จุด และระดับสูงสุด 1,561.55 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวน โดยสัปดาห์นี้บริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/66 ตามหลังกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยตลาดยังมีความกังวลกับกลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงตลาดโลก โดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มบรรจุภัณฑ์
ประกอบกับในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐหลายตัว ที่กระทบความคาดหวัง โดยหากตัวเลขเศรษฐกิจดีก็จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย แต่หากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดีก็เกรงว่าเศรษฐกิจจะถดถอย ซึ่งเป็นจุดที่คาดเดายาก ดังนั้นทำให้ตลาดผันผวน
หากดัชนี SET หลุดแนวรับ 1,558 จุด และไม่สามารถยืนได้ก็มีโอกาสปรับตัวลง 20-40 จุดไปที่ระดับ 1,540-1,520 จุด มองว่าดัชนี SET สัปดาห์นี้เป็นลบ อย่างไรก็ดี ก็มีมุมมองในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าที่จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยไม่ได้แย่และเชื่อว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้จากการเลือกตั้ง ตามสถิติระบุว่า 1 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งและหลังจากเลือกตั้ง 1 เดือน ตลาดจะฟื้นตัว และให้น้ำหนักเฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.และคาดจะส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยก็จะเห็นการผ่อนคลายมากขึ้น
"จากเลือกตั้งในประเทศ และทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐมีท่าทีผ่อนคลา น่าจะทำให้ตลาดหุ้นในเดือนพ.ค. -มิ.ย. หรืออาจไปถึงต้น ก.ค. น่าจะมีโอกาสฟื้นตัว แต่ระหว่างนี้ตลาดผันผวนแต่ใน 2-3 เดือนข้างหน้าตลาดจะมีปัจจัยบวกหนุน"
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงบ่ายวันนี้ มองว่าหากดัชนี SET ไม่สามารถยืนแนวรับ 1,558 จุดได้ก็มีโอกาสปรับตัวลงในสัปดาห์นี้ต่อเนื่องถึงสัปดาห์หน้า โดยให้แนวรับ 1,550 จุด แนวต้านที่ 1,565 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KTB มูลค่าการซื้อขาย 970.24 ล้านบาท ปิดที่ 18.10 บาท ลดลง 0.10 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 900.29 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 883.86 ล้านบาท ปิดที่ 902.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
TISCO มูลค่าการซื้อขาย 866.78 ล้านบาท ปิดที่ 90.75 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 811.46 ล้านบาท ปิดที่ 102.50 บาท ลดลง 0.50 บาท