SC ยืนยังตรึงราคาขายปีนี้, เน้นหาพื้นที่สนง.ให้เช่าเพิ่มเหตุมาร์จิ้นดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 22, 2008 18:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานสนับสนุน บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC)  กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังสามารถตรึงราคาขายไว้ แม้ราคาต้นทุนโดยเฉพาะราคาเหล็กจะปรับเพิ่มขึ้นซึ่งทำให้มีกระทบต้นทุน 2-3% 
เนื่องจากในช่วงที่ผ่่านมาบริษัทได้มีการบริหารต้นทุนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการปรับขนาดบ้านเดี่ยวให้เล็กลง การลดชั้นทาวน์เฮ้าส์ จากการสร้าง 3 ชั้นเหลือ 2 ชั้น รวมทั้งนโยบายของภาครัฐในเรื่องภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่ 3-4% ทำให้บริษัทยังแบกรับภาระต้นทุนได้
"การปรับไซส์ดังกล่าวทำให้ระดับราคาในการขายลดลงด้วย...ดังนั้นเชื่อว่าเราน่าจะคงราคาขายกับลูกค้าได้ ที่ผ่านมายอมรับว่าต้นทุนปรับขึ้นสูงจากราคาน้ำมัน แต่การที่เราเป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขายทำให้เราสามารถคำนวณต้นทุนที่เกิดขึ้นได้จริง"นายอรรถพล กล่าว
สำหรับรายได้ไตรมาส 1/51 เชื่อว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ปีก่อนที่ 800 ล้านบาท เแต่ในไตรมาส 2-4/51 คาดว่า ยอดการโอนจะปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ประมาณ 700 ล้านบาทที่จะทยอยเข้ามาในไตรมาส 2-4 จากงานในมือ (backlog) ที่มี 1 พันกว่าล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากคอนโดมิเนียมเป็นหลัก แต่จะเป็นการโอนในปีนี้ 60% ที่เหลือเป็นปีหน้า
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทมียอดโอนดังกล่าว และการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ที่วางไว้ 8 โครงการ หรือมูลค่ารวม 4,690 ล้านบาทจะทำให้ยอดรับรู้ในปีนี้เป็นไปตามเ้ป้าหมายที่โต 20%จากปี 50 ที่มีรายได้รวม 3,504 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทคงให้ความสำคัญในการขายโครงการมากกว่าสำนักงานให้เช่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาแนวโน้มของสำนักงานให้เช่าราคาปรับลดอัตราค่าเช่าลงมา
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างหาโครงการให้เช่าเพิ่มเพื่อเพิ่มรายได้จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 24% และวางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ใน 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากมาร์จิ้นจากสำนักงานให้เช่าดีกว่าการขายโครงการ โดยขณะนี้มองทำเลย่านพหลโยธิน และวิภาวดีรังสิต เพราะติดแนวรถไฟฟ้า และยังมีความต้องการสูง
อย่างไรก็ตาม ในการลงทุนจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากต้องใช้เงินเยอะ และใช้เวลาก่อสร้างนาน
ด้านนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประธานกรรมการบริหาร SC กล่าวถึงกรณีการพิจารณาคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ SC ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุดนั้น ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ตาม หรือหากเป็นกรณีเลวร้ายที่แพ้คดี และต้องจ่ายเงินค่าปรับประมาณ 900 ล้านบาท เชื่อว่าบริษัทมีเงินเพียงพอสามารถรองรับการจ่ายเงินดังกล่าวได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ