ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 104.79 จุดหลังราคาน้ำมันพุ่งแตะ $119

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 23, 2008 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 119 ดอลลาร์/บาร์เรลทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงแม้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง อาทิ ดูปองท์ เอทีแอนด์ที และแมคโดนัลส์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 104.79 จุด หรือ 0.82% แตะระดับ 12,720.23 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 12.23 จุด หรือ 0.08% แตะระดับ 1,375.94 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 31.10 จุด หรือ 1.29% แตะระดับ 2,376.94 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.33 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.95 พันล้านหุ้น
อาร์ท โฮแกน นักวิเคราะห์จากบริษัทเจฟเฟอรีส์ กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 119 ดอลลาร์/บาร์เรลทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องเงินเฟ้อ สถานการณ์เช่นนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในระยะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น) แล้ว"
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 119 ดอลลาร์/บาร์เรลเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และจากข่าวที่ว่ากลุ่มคนร้ายได้ลอบโจมตีท่อส่งน้ำมันของบริษัทเชลล์ ปิโตรเลียม ดิเวลล็อปเมนท์ จนเป็นเหตุให้เชลล์ประกาศปิดโรงกลั่นที่มีกำลังการผลิต 169,000 บาร์เรล/วันแห่งนี้ พร้อมทั้งประกาศ "ภาวะสุดวิสัย (force majeure)" เนื่องจากบริษัทไม่สามารถส่งมอบน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวันให้กับลูกค้าได้ตามกำหนด โดยการประกาศภาวะสุดวิสัยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารที่ 22 เม.ย.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติที่ระบุว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดบ้านของสหรัฐยังคงเผชิญความยากลำบาก
"ดาวโจนส์ร่วงลงแม้ได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเอทีแอนด์ที ดูปองท์ และแมคโดนัลส์ สถานการณ์เช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนให้น้ำหนักกับราคาน้ำมันมากกว่าที่จะขานรับผลประกอบการของภาคเอกชน" โฮแกนกล่าว
หุ้นดูปองท์ร่วงลง 4% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 26% แต่ดูปองท์ยอมรับว่าตลาดสหรัฐที่ซบเซาอาจทำให้แนวโน้มกำไรของบริษัทลดน้อยลง ขณะที่หุ้นแมคโดนัลส์รูดลง 32 เซนต์ ปิดที่ 58.35 ดอลลาร์ แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 24%
หุ้นยาฮูดิ่งลง 0.5% แม้ยาฮูรายงานผลกำไรที่สอดคล้องกับการคาดการณ์นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท
อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันช่วยพยุงหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิลพุ่งขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 94.39 ดอลลาร์ และหุ้นเชฟรอนดีดขึ้น 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.03 ดอลลาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ