นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารผลักดันแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) อย่างต่อเนื่อง ทั้งการดำเนินงานของธนาคาร การให้บริการลูกค้า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บริการต่างๆที่นำเสนอต่อลูกค้า โดยเฉพาะบริการสินเชื่อที่คำนึงถึง ESG ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงองค์กร และการให้ความรู้แก่บุคลลากรในองค์กร โดยธนาคารตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) วงเงินรวมเพิ่มเป็น 2 แสนล้านบาทภายในปี 73 จากในปี 65 มียอดปล่อยสินเชื่อ Green Loan ไปแล้ว 2.6 หมื่นล้านบาท และในปีนี้จะปล่อย Green Loan เพิ่มขึ้นไปเป็น 5 หมื่นล้านบาท
ธนาคารจะปรับพอร์ตสินเชื่อให้สมดุลมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีมากที่สุด โดยจะปรับสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายใหญ่ ให้ใกล้เคียงกันราว 30% ยอมรับว่าอาจต้องใช้เวลาค่อยๆ ทยอยปรับความสมดุลสักระยะหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามจะไม่กระทบต่อเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้ที่ยังมั่นใจว่าทำได้ 5-7%
ขณะที่การควบคุมคุณภาพหนี้จะยังคงรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ให้เกิน 3.25% จากกระบวนการบริหารของธนาคาร โดยยังคงมีการขายหนี้เสียออก ซึ่งในไตรมาส 1/66 ได้ขายหนี้เสียออกไปแล้ว 3.6 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ขายออกไปให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) จากในปี 65 ธนาคารได้ขายหนี้เสียออกไปราว 7 หมื่นล้านบาท
ด้านความคืบหน้าการหาผู้ร่วมทุนของ บลจ.กสิกรไทย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้สนใจเข้ามาร่วมทุน โดยธนาคารจะยึดการร่วมธุรกิจเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า และผู้ลงทุน โดยยังไม่สามารถบอกความชัดเจนของระยะเวลาในการปิดดีลดังกล่าวได้เมื่อใด
ส่วนความคาดหวังในการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงานประเทศในครั้งนี้ อยากให้รัฐบาลชุดใหม่สามารถดำเนินนโยบายที่รวดเร็ว โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลที่เร็ว เพื่อเร่งผลักดันนโยบายต่างๆออกมาอย่างเร็วที่สุด แม้ว่าพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังมีการเติบโต แต่การที่มีรัฐบาลเข้ามาช่วยขับเคลื่อน สามารถทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้มากขึ้น และจะเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ผนวกกับภาคเอกชนสามารถเข้ามาร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน