นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมทบทวนเป้าหมายรายได้ปี 66 หลังผ่านครึ่งปีแรก จากเดิมคาดโต 10% เนื่องด้วยมองว่าตลาดอาเซียนการฟื้นตัวยังไม่เห็นเด่นชัด อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออสังหาริมทรัพย์ในบางประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะอเมริกาและยุโรป มีความเสี่ยงเข้าสู่การชะลอตัว จากวิกฤติเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง และการผันผวนของราคาพลังงาน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังต้องเฝ้าระวัง 3 ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่
1. ความผันผวนของราคาพลังงาน เช่น ค่าไฟ และพลังงานอื่น ๆ ซึ่งจะลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านในอาเชียน ดันค่าครองชีพสูงขึ้นทันทีกำลังซื้อหดตัวลง กระทบต่อตันทุนของภาคการผลิต
2.ความเสี่ยงภัยแล้ง สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) คาดการณ์ปี 66-67 อาจมีฝนน้อยกว่าปกติ และฝนทิ้งช่วงมากขึ้น ทั้งเข้าสู่ปรากฏการณ์เอลนีโญ จึงเสี่ยงเกิดภัยแล้งรุนแรงข้ามปี ส่งผลกระทบทั้งภาคประชาชน การผลิต อุตสาหกรรม เกษตร และท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจไทย
3. สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่สูงเกินมาตรฐาน ปกคลุมหลายเมืองเศรษฐกิจและท่องเที่ยวเป็นเวลายาวนาน ส่งผลกระทบสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจการเตรียมการรับมือกับปัจจัยเหล่านี้ เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนควรร่วมกันหาทางออก เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตคงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า บริษัทฯ เร่งปรับตัวและร่วมแก้ปัญหาจากปัจจัยเสี่ยงอย่างเต็มที่ โดยเพิ่มสัดสวนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนและพลังงานแสงอาทิตย์ กำหนดมาตรการใช้น้ำอย่างประหยัดและคุ้มคำ เตรียมแหล่งน้ำในพื้นที่ของบริษัทเพื่อสำรองน้ำ และช่วยเหลือชุมชน มุ่งบรรเทาปัญหาฝุ่นด้วยมาตรการเข้มงวด โดยติดตั้งระบบดักฝุ่น การทำเหมืองแบบ Semi Open Cut โดยมีขอบเขา (Buffer Zone) เป็นกำแพงกันฝุ่น ฉีดพรมน้ำตามเส้นทางขนส่ง และคลุมผ้าใบรถทุกคัน ปลูกต้นไม้รอบพื้นที่เป็นแนวกันฝุ่น (Green Belt) และร่วมกับคู่ธุรกิจ ลดฝุ่นจากงานก่อสร้าง ด้วยการใช้ BIM ในการออกแบบ และหล่อชิ้นงานสำเร็จรูปหรือทำเป็นโมดูลาร์ประกอบที่หน้างาน (Of-Site Construction) ตลอดจนมุ่งเน้นพิจารณาลงทุนอย่างรอบคอบ ปรับใช้ทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และออโตเมชั่น เช่น COTTO นำเทคโนโลยีการประมวลภาพ (Image Processing) วิเคราะห์คุณภาพสุขภัณฑ์ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสินค้ารวดเร็วมากขึ้น จาก 1 วัน เป็น 1 ชั่วโมง
"เป้ารายได้ 10% ปีนี้ยอมรับว่าเหนื่อย จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ราคาพลังงานสูง ซึ่งสัดส่วนรายได้ราว 40% ของเรามาจากต่างประเทศ คาดว่าจะมีการทบทวนเป้าหมายดังกล่าวหลังจบครึ่งปีแรก แต่เราก็มีการปรับตัว จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และปรับการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ของอะไรที่ขายได้ก็จะผลิตให้มากขึ้น ส่วนของอะไรที่ผลิตได้ลดลง ก็ผลิตให้ให้น้อยลง"
ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 (ไม่นับรวมรายการพิเศษ) คาดจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยนำพลังงานทดแทนเข้ามาใช้แทนถ่านหิน แม้ช่วงดังกล่าวจะมีวันหยุดยาว รวมทั้งในตลาดภูมิภาคอย่างอินโดนีเซีย เป็นช่วงถือศีลอด ดังนั้นจึงมองว่าผลประกอบการจะไม่ต่างกับไตรมาส 1/66
สำหรับความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP เวียดนาม เริ่มทดลองเดินเครื่องในส่วนพอลิโอเลฟินส์ (PP. HDPE, LLDPE) เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกป้อนตลาดเวียดนาม ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว คาดจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในกลางปีนี้