บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) มีลุ้นไตรมาส 1/66 กลับมาพลิกกำไรเป็นครั้งแรกหลังโควิด รับปัจจัยบวกจากจำนวนผู้โดยสารสูงถึง 4.58 ล้านคน เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2/66 เติบโตต่อเนื่องจากการเพิ่มความถี่เที่ยวบินไปจีน จะทำให้เป้าหมายผู้โดยสารปี 66 ที่ 20 ล้านคนเป็นไปได้ ส่งผลโบรกฯ ปรับขึ้นเป้าหมายที่ 3.88 บาท
ในไตรมาส 1/66 AAV มีจำนวนผู้โดยสารสูงถึง 4.58 ล้านคน เพิ่มขึ้น 216% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาส 4/65 (QoQ) เป็นภาพฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังเปิดเส้นทางบินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันอีกทางหนึ่งด้วย
บล.พาย คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 1/66 อยู่ที่ 99 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2,371 ล้านบาทในไตรมาส 1/65 แต่ลดลง 97% จากไตรมาส 4/65 ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่ใช่วงไตรมาส 4/65 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 3,712 ล้านบาท โดยไตรมาส 4/65 ขาดทุน 950 ล้านบาท ดังนั้น ถือว่าในไตรมาส 1/65 พลิกมีกำไรเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดโควิด
ส่วนรายได้คาดไว้ที่ 8,864 ล้านบาท (+396%YoY,+7%QoQ) มีจำนวนผู้โดยสาร 4.58 ล้านคน โดยผู้โดยสารจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 23%QoQ เปิดเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่ม อัตราบรรทุกผู้โดยสาร 92% กำไรขั้นต้นคาดที่ 12% จากที่ขาดทุนขั้นต้น 143% ในไตรมาส 1/65 และดีขึ้นจาก 8% ในไตรมาส 4/65 หลังราคาน้ามันเครื่องบินเฉลี่ยลดลงประมาณ 6%QoQ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 585 ล้านบาท +59%YoY,+5%QoQ
สำหรับภาพรวมในไตรมาส 2/66 คาดว่าด้วยการเปิดเที่ยวบินจีนที่จะทยอยเพิ่มขึ้นหลังจากเริ่มบินไปตั้งแต่เดือน มี.ค. ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารถึง 93% โดย AAV ตั้งเป้าเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากระดับ 40 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในช่วงไตรมาส 1/66 เป็นกว่า 100 เที่ยวบิน/สัปดาห์ในช่วงไตรมาส 2/66-ไตรมาส 4/66 ก่อนที่ภายในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 110 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ที่จะคิดเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของเที่ยวบินไปจีนในปี 62 แล้ว (ปี 62 มีเที่ยวบินไปจีนเฉลี่ย 140 เที่ยวบิน/สัปดาห์)
ดังนั้นคาดว่า เป้าหมายผู้โดยสารทั้งปีที่ระดับ 20 ล้านคนน่าจะยังมีความเป็นไปได้อยู่มาก หลังช่วงไตรมาส 1/66 มีอยู่กว่า 4.58 ล้านคนแล้ว
บล.พาย ยังแนะนำ "ซื้อ" เช่นเดิมเพราะมองว่าเป็นผู้ประกอบการที่จะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากจีนและการลดลงของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 3.88 บาท จากเดิม 3.79 บาท (11.6X EV/EBITDA?23E)