บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยสำหรับสัปดาห์ถัดไป (8-12 พ.ค.) มีแนวรับที่ 1,515 และ 1,500 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,545 และ 1,555 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ, ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/66 ของบจ.ไทย, ปัญหาธนาคารสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขส่งออก และดัชนีราคาผู้บริโภค
หุ้นไทยร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ที่ 1,507.22 จุด ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาก่อนปิดหยุดยาว ทั้งนี้ หุ้นไทยเผชิญแรงกดดันในช่วงแรกจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาภาคธนาคารของสหรัฐฯ หลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการปิดกิจการของแบงก์ในสหรัฐฯ อีกราย ขณะที่การปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังเพิ่มแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาตามแรงซื้อคืนหุ้นกลุ่มแบงก์ ไฟแนนซ์ และวัสดุก่อสร้าง ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของตลาดในประเทศ ประกอบกับนักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจส่งสัญญาณสิ้นสุดดอกเบี้ยขาขึ้นในการประชุมรอบนี้
ทั้งนี้ ในวันพุธ (3 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,533.30 จุด เพิ่มขึ้น 0.27% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 47,481.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.43% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.52% มาปิดที่ระดับ 499.36 จุด