PHATRA มั่นใจรายได้รวมปี 51 สูงกว่า 1.57 พันลบ.ในปี 50 จากงาน IB เพิ่ม

          นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ภัทร (PHATRA) เปิดเผยว่า ในปี 51 บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมจะโตกว่าปีก่อนที่อยู่ที่ 1.57 พันล้านบาท โดยจะมีรายได้เพิ่มจากงานด้านวาณิชธนกิจ(IB) ที่ขณะนี้รับเป็นที่ปรึกษาฯนำบริษัทเข้าจดทะเบียนอีกประมาณ 3 ราย จากปี 50 ที่บริษัทไม่มีงานด้านวาณิชธนกิจเลย 
          ส่วนการเป็นที่ปรึกษานำ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) (ESSO)กระจายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/51 แต่ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขได้ เพราะยังมีหุ้นที่จัดสรรไว้ในส่วนของกรีนชูออพชั่น และยังต้องแบ่งรายได้กับบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ ที่เข้ามาร่วมเป็นอันเดอร์ไรท์เตอร์ รวมถึงมอร์แกน สแตนเลย์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วย 
          ในด้านธูรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริษัทคาดว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามประมาณการมูลค่าซื้อขายเฉลี่ย(วอลุ่ม)โดยรวมปีนี้จะคาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.9-2.0 หมื่นล้านบาท/วัน โดยเริ่มเห็นทิศทางตั้งแต่ไตรมาส 1/51 ที่มีวอลุ่มเฉลี่ยสูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีวอลุ่มเฉลี่ยเพียง 1.2 หมื่นล้านบาท
          นอกจากนั้น บริษัทยังมีพอร์ตลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่ตั้งวงเงินไว้ 1.5 พันล้านบาท และขณะนี้เข้าลงทุนในหุ้นไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท น่าจะซื้อเต็มวงเงิน 1.5 พันล้านบาทภายในปีนี้ และหากตลาดหุ้นมีความน่าสนใจก็อาจจะขยายวงเงินเพิ่มได้อีก 
          นายสุวิทย์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยจะเน้นการลงทุนในตลาดแถบเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องศึกษากฎระเบียบให้ดีก่อน เพราะกังวลว่าอาจจะมีการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าว
          สำหรับสัดส่วนรายได้ของ PHATRA ในปีนี้จะมาจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 70% งาน IB 25% ที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ โดยในปีนี้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นหุ้นกู้อนุพันธ์ ซึ่งได้รับอนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้อนุพันธ์วงเงิน 1,000 ล้านบาท และขออนุมัติออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์วงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท ในปี 52 เชื่อว่าธุรกิจอนุพันธ์จะเป็นตัวสร้างรายได้ที่สำคัญให้กับบริษัท