นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในเดือนพ.ค. 66 มีแนวโน้มพักฐานต่อเนื่องจากเศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคมที่ส่อแววเริ่มชะลอตัวตามการส่งออก สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศที่อ่อนแอ ทั้งดัชนีภาคการผลิตสหรัฐและจีนที่ชะลอตัว รวมถึงการที่ประเทศฝรั่งเศสถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจาก "AA" สู่ "AA-"จากปัญหาขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้สูง
ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่าอาจไม่มีเงินเพียงพอชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลอย่างเร็วที่สุดในเดือนมิ.ย.นี้หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ทำให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรียกประชุมผู้นำสภาฯ ด่วนในวันที่ 9 พ.ค.นี้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรงจากความกังวลว่าสหรัฐเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ กังวลวิกฤติภาคธนาคารสหรัฐ และภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้มแผ่วลง กดดันให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงคาดการณ์กรอบดัชนีที่ระดับ 1,500-1,560 จุด
ขณะที่ปัจจัยในประเทศอยู่ในโทนลบจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่าในช่วงไตรมาส 1/66 ผู้ประกอบการ SME จำนวน 53.4% ยังคงมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นจาก 44.7% ในช่วงไตรมาส 4/65 ทั้งนี้ สัดส่วนที่ผิดชำระหนี้สูงขึ้นส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และมีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ขณะที่สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออกในช่วงไตรมาสแรกติดลบ 4.5% และปรับลดเป้าการเติบโตของยอดส่งออกทั้งปีเหลือ 0-1% บ่งชี้ว่าการส่งออกปีนี้แทบจะไม่ขยายตัวจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ วันที่ 11 พ.ค. MSCI จะประกาศรายชื่อ Rebalance วันที่ 14 พ.ค. วันเลือกตั้ง วันที่ 15 พ.ค. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลง GDP ไตรมาส 1/66 และเป็นวันสุดท้ายที่กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนส่งงบการเงินรายไตรมาสแรกปี 66 วันที่ 23 พ.ค. ประชุมกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) วันที่ 31 พ.ค. กำหนดประชุมกนง.ครั้งที่ 3/2566 และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาในวันที่ 9 พ.ค. เป็นวันที่ปธน.สหรัฐเรียกประชุมสภาคองเกรสพิจารณาปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเพื่อเลี่ยงผิดชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก่อนถึงเส้นตายภายในวันที่ 1 มิ.ย.
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังการเลือกตั้งแล้วเสร็จ ได้แก่ กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ค้าปลีก และนิคมอุตสาหกรรม เช่น PYLON, SEAFCO, STEC, CK, CPALL, MAKRO, BJC, WHA และ AMATA
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมราคาทองคำในเดือนนี้ตลาดจับตาผลการประชุม FOMC ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% โดยตลาดคาดเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ การสิ้นสุดภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นแรงหนุนต่อทองคำ โดยเราคาดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีมีโอกาสจะหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 3.33% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์อาจหลุดแนวรับระดับ 101.00 มองเป็นแรงหนุนกับทองคำ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำอาจยังทรงตัวระดับสูงต่อไป เนื่องจากแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐส่วนใหญ่อาจออกมาต่ำคาด ขณะที่ใกล้สิ้นสุดการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทั้งสองปัจจัยข้างต้นเป็นแรงหนุนกับราคาทองคำในเดือนพฤษภาคม หากระหว่างเดือนย่อตัวไม่หลุดแนวรับ 1,950 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยแนะนำทยอยเข้าซื้อสะสม