นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและ การสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) กล่าวว่า ไตรมาส 1/66 ที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม และธุรกิจอื่นๆได้สูงถึง 1.18 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.47 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 28% จากไตรมาส 4/65 ที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 1.15 พันล้านบาท และมีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (D/E) 0.66 เท่า ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการบริหารจัดการสัดส่วนหนี้สินสุทธิในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า
โดยในไตรมาสที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มแนวราบอย่าง ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยวยังถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญในการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 8.65 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบ
สำหรับสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม ภาพรวมธุรกิจเริ่มมีแนวโน้มเป็นบวก ประกอบกับสัญญาณการโอนกรรมสิทธิ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยไตรมาสที่ผ่านมานอกจากบริษัทจะโอนกรรมสิทธิ์ปิดจบโครงการ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช เฟส 1 ได้ทั้งโครงการแล้วนั้น บริษัทยังสร้างรายได้จากการโอนคอนโด แบรนด์ ASPIRE อย่าง ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน และ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม ได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน คอนโดมิเนียมโครงการล่าสุดที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา
โดยไตรมาส 2/66 เอพีเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 16 โครงการ มูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 9.38 พันล้านบาท ทาวน์โฮม 8 โครงการ มูลค่า 8.15 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 3.5 พันล้านบาท ณ วันที่ 30 เมษายน 66 บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมได้ทั้งสิ้น 1.42 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าแนวราบมูลค่า 1.06 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 3.66 พันล้านบาท และมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) 3.3 หมื่นล้านบาท
สำหรับการเปิดโครงการทั้งปี 66 บริษัทตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่มากถึง 58 โครงการ มูลค่า 7.7 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 5.8 หมื่นล้านบาท เป้ารายได้ที่ 5.75 หมื่นล้านบาท