ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย ยิ่นไฟลิ่งขาย IPO 100 ล้านหุ้น-เข้า SET ใช้คืนหนี้-ขยายลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 10, 2023 10:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย (TAT) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 100,000,000 หุ้น คิดเป็น 25.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้ (Par value) 1.00 บาทต่อหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

วัตถุประสงค์การใช้เงิน 1. เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่ปรึกษาทางการเงิน และ/หรือผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 2. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และ 3. เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม

TAT ประกอบธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) ครอบคุลมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์สำหรับการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Stamping Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) โดยมีบริษัทย่อย 3 บริษัท คือ 1) บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ปทุมธานี) จำกัด (TATP) 2) บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ชลบุรี) จำกัด (TATC) และ 3) บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (อีสเทิร์น) จำกัด (TATE)

กลุ่มบริษัทฯ มีการประกอบธุรกิจ ดังนี้

TAT ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts)

TATP ออกแบบและผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ

TATC ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) พร้อมบริการชุบเคลือบสีชิ้นส่วนด้วยระบบไฟฟ้า EDP (Electro Deposition Paint)โดยมุ่งเน้นผลิตชิ้นส่วนที่ต้องการความพิถีพิถันสูง เช่นฝาครอบหม้อลมเบรครถยนต์ ถาดรองน้ำมันเครื่อง ชิ้นส่วนรถยนต์ ที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยอื่นๆ

TATE ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) มุ่งรองรับลูกค้าที่ต้องการผลิตปริมาณมาก (Mass Production)

1. ธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือ (Tooling) สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์สำหรับปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Stamping Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดำเนินการของ TATP ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

2. ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) ภายใต้การดำเนินการโดย TAT, TATE และ TATC โดยโรงงานของ TAT อยู่ในจังหวัดปทุมธานี และโรงงานของ TATE และ TATC อยู่ในจังหวัดชลบุรี ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เป็นการต่อยอดจากธุรกิจผลิตแม่พิมพ์โลหะ (Dies) โดยกลุ่มบริษัทได้นำเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งระบบที่ควบคุมด้วยบุคคล (Manual Control) และระบบอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (Automatic Control) ตั้งแต่ขนาด 200 ตัน จนถึง 2,000 ตัน ส่งผลให้สามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบทั้งการผลิตปริมาณมาก และการผลิตที่เน้นความพิถีถันสูง

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังได้ลงทุนระบบชุบเคลือบสีชิ้นส่วนด้วยระบบไฟฟ้า EDP (Electro Deposition Paint) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชุบผิวโลหะที่อาศัยกลไกทางไฟฟ้าเคลือบพื้นผิว ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพสีคงที่ สีติดทนนาน ไม่ผุกร่อนหรือร่อน พื้นผิวมีความราบเรียบสม่ำเสมอ และสามารถกันสนิม เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการชิ้นส่วนที่มีคุณภาพและมีความพิถีพิถันสูง

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มี.ค.66 กลุ่มตระกูลศักดาสาวิตร ถือหุ้น 134,040,000 หุ้น คิดเป็น 44.68% ภายหลัง IPO จะลดสัดส่วนลงเหลือ 33.51% กลุ่มหฤทัย ถือหุ้น 100,800,000 หุ้น คิดเป็น 33.60% จะลดลงเหลือ 25.20% กลุ่มเหล่าสินชัย 37,200,000 หุ้น คืดเป็น 12.40% จะลดเหลือ 9.30% และกลุ่มพนักงาน 27,960,000 หุ้น คิดเป็น 9.32% จะลดลงเหลือ 6.99%

ผลประกอบการปี 63-65 บริษัทมีรายได้รวม 1,886.54 ล้านบาท 2,547.60 ล้านบาท และ 2,922.47 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ 40.05 ล้านบาท 164.55 ล้านบาท 108.16 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 2.12% 6.46% และ 3.70% ตามลำดับ

ณ วันที่ 31 ธ.ค.65 กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,304.85 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,393.95 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 910.89 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 1.53 เท่า

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลตามงบการเงินเฉพาะกิจการ และภายหลังการหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ