นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยว่า ภาพรวมความต้องการใช้ยางธรรมชาติในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณสต๊อกวัตถุดิบของกลุ่มผู้ประกอบการล้อยางในปัจจุบันเริ่มทยอยลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคายางในตลาดโลกที่มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นและส่งผลดีต่อภาพรวมรายได้ของบริษัทฯ
ขณะเดียวกัน คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 จะได้รับผลดีจากปัจจัยบวกต่างๆ ได้แก่ 1) กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นกว่า 245,000 ตันต่อปีในไตรมาสแรกที่ผ่านมา จากการขยายโรงงานที่แล้วเสร็จในจ.สระแก้วและจ.กาฬสินธุ์ 2) ความต้องการใช้ยางแท่งที่ยังคงมีมากกว่ากำลังการผลิตของบริษัทฯ
และ 3) บริษัทฯ ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน Sri Trang Friends ให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาวัตถุดิบ เพื่อให้ความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยางธรรมชาติของบริษัทฯ ไม่ได้มาจากแหล่งปลูกยางที่มีการตัดไม้ทำลายป่า จึงสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุโรปที่เตรียมประกาศใช้ The European Union (EU) Regulation on Deforestation-Free Products (EUDR) หรือกฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า
"เรามองว่าแนวโน้มดีมานด์ยางธรรมชาติจากกลุ่มผู้ประกอบการล้อยางจะปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ดังนั้นปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าแผนขยายกำลังการผลิตยางแท่งและน้ำยางข้น ซึ่งจะทยอยแล้วเสร็จในไตรมาส 3-4 ของปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับตลาดที่กำลังปรับตัวดีขึ้นและจะเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการเพิ่มปริมาณการขายและส่วนแบ่งอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลก"นายวีรสิทธิ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 มีปริมาณการขายยางธรรมชาติรวม 400,000 ตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีปริมาณการขายรวม 386,000 แสนตัน แต่เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลดลง ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 24,426 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 288 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน