นายสมชาย อ่วมกระทุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวานนี้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้น (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงินภายในวงเงินไม่เกิน 38.50 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 11 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 5 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และมีการกำหนดระยะเวลาซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ถึง วันที่ 12 ตุลาคม 2566
ราคาหุ้น ITNS ปิดวานนี้ 3.24 บาท จากราคาปิดสิ้นปี 65 อยู่ที่ 4.20 บาท
"โครงการซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อัตรากำไรสุทธิ (EPS) และเพิ่มมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value Per Share) รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นการบริหารสถานะการเงินโดยรวมของบริษัทให้เกิดประโยชน์
นอกจากนั้นภายหลังซื้อหุ้นคืน ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้น เนื่องจากหุ้นที่บริษัทซื้อคืนกลับไปจะไม่มีสิทธิได้รับเงินปันผล รวมถึงอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on Equity) และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings per Share) จะสูงขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ถือหุ้นลดลงจึงทำให้ผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายจะได้รับเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทฯ จะมีสินทรัพย์สภาพคล่องอีกด้วย"
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 154.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.95 ล้านบาท หรือ 56.74% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 98.61 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 10.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไร 11.77 ล้านบาท
"บริษัทรับรู้รายได้หลักจากการจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการติดตั้ง 124.64 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 80.64% รายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย 28.75 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18.60% และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ 1.09 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 0.71% ของรายได้รวม"
ในช่วงไตรมาสแรกบริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าภาครัฐ 20.38% และภาคเอกชน 79.62% เนื่องจากบริษัทฯ ต้องการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ จึงวางกลยุทธ์ขยายงานไปยังกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนรายใหม่ เพื่อกระจายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ต่อไปในอนาคต
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) 400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 70 พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานใหม่รวมมูลค่า 1,000 ล้านบาท คาดทยอยรู้ผลภายในเร็วๆ นี้อีกด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้