BANPU ปรับลง 3.49% ลดลง 0.30 บาท มาที่ 8.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,258.23 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.49 น. จากราคาเปิด 8.55 บาท ราคาสูงสุพด 8.55 บาท และราคาต่ำสุด 8.30 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 19 เดือน
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่าได้ปรับคำแนะนำ หุ้นบมจ.บ้านปู (BANPU) ลงเป็น "ถือ" จากเดิม "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 ที่ 9.00 บาท (เดิม 14.50 บาท) อิงวิธี SOTP ทั้งนี้ แม้ราคาปิดล่าสุดสะท้อน 2023E PBV ที่น่าสนใจที่ 0.62x (ประมาณ -1.00SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) แต่เราเชื่อว่าบริษัทจะเห็นกำไรที่อ่อนตัวลงในไตรมาส 2/66 และยังไม่มี ปัจจัยบวกในระยะสั้น
บริษัทรายงานกำไรสุทธิ ไตรมาส 1/66 ที่ 5.0 พันล้านบาท (ลดลง 51% YoY แต่ฟื้นตัวจากขาดทุน 278 ล้านบาทใน 4/65) ต่ำกว่าเราคาด 16% หลักๆจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร(SG&A expense) ที่สูงกว่าคาด ทั้งนี้กำไรลดลง YoY หลักๆเป็นผลจากราคาก๊าซธรรมชาติ US ที่อ่อนตัว ในขณะที่ฟื้นตัว QoO เป็นผลจากการไม่มีรายการตั้งสำรองเผื่อด้อยค่าของสินทรัพย์ (loss on impairment of assets) ของเหมืองในมองโกเลีย
คาดว่ากำไรของบริษัทจะอ่อนตัวในไตรมาส 2/66 หลักๆตามแนวโน้มราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจากอุปสงค์การใช้พลังงานความร้อนที่ต่ำกว่าคาดในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมาของประเทศตะวันตก
ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566/2567 ลง 39%/40% เป็น 1.41/1.50 หมื่นล้านบาท หลักๆ จากคือ 1) ราคาขายถ่านหิน (coal ASP) ในออสเตรเลียที่ต่า ลงในช่วง USD128/ton-USD132/ton จากเดิม USD135/ton-USD150/ton 2) ราคาขายก๊าซฯ (gas ASP) ที่ลดลงอยู่ในช่วง USD2.5/mcfe- USD2.6/mcfe จากเดิม USD3.0/mcfe-USD3.3/mcfe และ 3) กำไรจากเครื่องมือทางการเงิน (hedging gain) ที่ลดลง
ราคาหุ้น underperform SET -29% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สอดคล้องกับแนวโน้ม coal ASP และ gas ASP ที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็วจากอุปสงค์การใช้พลังงานความร้อนที่อ่อนแอ ทั้งนี้ แม้ราคาปิดล่าสุดสะท้อน 2566 PBV ที่น่าดึงดูดเพียง 0.62x (ประมาณ -1.00SD ต่า กว่าค่าเฉลี่ย PBV 5 ปีย้อนหลัง) แต่เราเชื่อว่าบริษัทจะเห็นกำไรที่อ่อนตัวลงในไตรมาส 2/66 และยังไม่มีปัจจัยบวกในระยะสั้น