นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 (ม.ค.-มี.ค. 66) บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 243.7 ล้านบาท รายได้อื่นๆ 16.7 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20.0 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนจากวิกฤตต้นทุนพลังงานทั่วโลกพุ่งสูงและผันผวนอย่างมาก ซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม SCM ยังขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริหารจัดการฐานข้อมูลสมาชิกและลูกค้าร่วมกับการทำโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์แต่ละกลุ่มอย่างต่อเนื่อง พร้อมควบคุมต้นทุนในทุกๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์
พร้อมทั้งยังขยายดีลเลอร์ต่างประเทศ ปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้วใน 6 ประเทศ ได้แก่ เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้การจัดตั้งสำนักงานใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่ 7 คาดการณ์พร้อมดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 2 ในขณะเดียวกันบริษัทฯ กำลังศึกษาแนวทางขยายตลาดไปยังประเทศใกล้เคียงในกลุ่ม AEC รวมถึงการหาตัวแทนฯ นำสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศที่บริษัทไม่มีสำนักงานตั้งอยู่ ได้แก่ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยทั้งหมดนี้อยู่ในแผนการพัฒนาธุรกิจในปี 66
นอกจากนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรแบรนด์ Growing More ตัวช่วยทางเลือกใหม่ของเกษตรกรที่ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิตคุ้มค่ากับการลงทุน มีผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรรวม 5 รายการ Transform Plus สูตร 1 ฝาสีเขียว, สูตร 2 ฝาสีทอง และ Transform Soil ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงดิน รวมถึงปุ๋ยธาตุอาหารหลักพืช ทรานส์ฟอร์ม เอ็น พี เค (Transform N-P-K) ชนิดน้ำ สูตร 20-6-6 สูตรที่ 1 และ สูตร 6-6-20 สูตรที่ 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ล่าสุดแบรนด์ Growing More ได้รับรางวัล "ผลิตภัณฑ์เพื่อเกษตรกรยอดเยี่ยม"จากเสียงโหวตของผู้บริโภค ทำให้ได้รับกระแสตอบรับดียิ่งกว่าเดิม โดยมียอดคำสั่งซื้อจากตัวแทนนักธุรกิจเข้ามาเพิ่มขึ้น เชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวผลักดันรายได้ที่สำคัญในปี 66 หลังจากนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรแบรนด์ Growing More อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์เกษตรกรไทยและอาเซียน พร้อมทำการตลาดโดยใช้กลยุทธ์คาราวานแบบออฟไลน์ผสานกับดิจิทัลแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การขยายฐานสมาชิกด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้เป็นสมการ XYZ โดยที่ X คือ การเพิ่มฐาน Member ให้มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Y คือ คุณภาพของสมาชิกต้อง Active หรือมีความต่อในการซื้อสินค้า ส่วน Z คือ ยอด Order Size ที่สมาชิกแต่ละคนซื้อต่อครั้ง จะต้องมีขนาดนี้สูงขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นเจาะตลาดพื้นที่ที่มีกำลังซื้ออย่าง ภาคอีสานและภาคกลาง โดย ณ เดือนสิ้นเดือน เม.ย. 66 บริษัทมีจำนวนสมาชิกรวม 177,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกในประเทศไทย 126,000 คน และสมาชิกในต่างประเทศ 51,000 คน โดยวางเป้าขยายฐานสมาชิกในประเทศไทย แตะระดับ 180,000 ราย ซึ่งหากรวมสมาชิกที่อยู่ในต่างประเทศที่ตั้งเป้าว่าจะขยายไปสู่ 70,000 ราย จะส่งผลทำให้ฐานสมาชิกรวมขยายไปแตะระดับ 250,000 ราย ในปีนี้
บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในการขยายธุรกิจ รวมถึงโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S - Curve โดยเบื้องต้นอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจที่สอดคล้องกับกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่บริษัทฯ มีอยู่แล้วในมือ ซึ่งมีโอกาสช่วยผลักดันยอดขายรวมถึงสร้างรายได้จากการบริการรูปแบบใหม่ที่บริษัทฯ ยังไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงการศึกษาธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์อยู่คนละกลุ่มกับสินค้าของบริษัทฯ แต่เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในขั้นตอนการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ให้เข้าไปทำการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของกิจการ และคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 66
ขณะเดียวกันเพื่อผลักดันให้ SCM เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราจำเป็นต้องมองหาช่องทางสร้างรายได้ใหม่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยบริษัทฯ เตรียมเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/66 ซึ่งกำหนดไว้เป็นวันที่ 27 มิ.ย. 66 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกวอแรนต์ครั้งที่ 2 (SCM-W2) จำนวนไม่เกิน 80,000,000 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 7.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยวอร์แรนต์ โดยมีอัตราการใช้สิทธิอยู่ที่ 1 วอร์แรนต์มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ที่ราคาใช้สิทธิ 2 บาทต่อหุ้น พร้อมกันนี้จะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ในวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมหากบริษัทฯ ต้องระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจไปในช่องทางต่างๆ
"บริษัทตั้งทีมงานเพื่อศึกษาโอกาสในการขยายธุรกิจหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งการเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการออกวอร์แรนต์ และออกหุ้นกู้ เป็นการเตรียมความพร้อมด้านแหล่งเงินทุน ซึ่งจะช่วยทำให้การดำเนินการต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโต เป็นไปได้อย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหลัก"