บมจ.ซันสวีท (SUN) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทวานนี้มีมติแต่งตั้ง นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้บริหารมืออาชีพ เข้าดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) คนใหม่ มีผลตั้งแต่ 15 พ.ค.66 เป็นต้นไป เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่เติบโต ขณะที่นายองอาจ กิตติคุณชัย จะควบ 2 ตำแหน่ง คือประธานกรรมการบริหาร และกรรมการบริษัท ซึ่งจะมุ่งเน้นบทบาทสำคัญในการกำกับติดตาม ดูแลภาพรวมในการบริหารกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทและบริษัทย่อย ให้เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด
นายวิชัย อายุ 57 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี Science Medical Technology มหาวิทยาลัยมหิดล ปริญญาโท MBA International Marketing / Business Management University of Central Queensland, ประเทศออสเตรเลีย โดยมีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 20 ปี ในด้านการวางแผนและบริหารธุรกิจในอุตสาหกรรมธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจพัฒนาเมล็ดพันธุ์ ถือเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความเป็นผู้นำ และมีศักยภาพ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานที่ผ่านมา
นายวีระ นพวัฒนากร ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน SUN กล่าวว่า แผนดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการผลิตข้าวโพดหวานสูงขึ้นเป็น 200,000-240,000 ตัน ซึ่งปัจจุบันกำลังการผลิตต่อวันมากกว่า 700 ตันแล้ว ทำให้บริษัทคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี 66 จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากก่อนหน้านี้บริษัทเปิดเผยว่ากำลังผลิตในปี 65 อยู่ที่ราว 120,000 ตัน
สำหรับกำลังการผลิตที่สูงขึ้นมาจากปริมาณวัตถุดิบรับเข้าสูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมคลี่คลายลง และไตรมาส 2/66 เป็นช่วงที่ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งบริษัทได้ส่งเสริมเกษตรกรในการปลูกข้าวโพดหวานอย่างต่อเนื่อง และได้ขยายพื้นที่การปลูกข้าวโพดหวานไปในทั้งภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยแนวโน้มไตรมาส 2/66 จะมีปริมาณวัตถุดิบรับเข้าไม่น้อยกว่า 50,000 ตันเพียงพอต่อความต้องการสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกต่างประเทศ 80% และในประเทศ 20%
พร้อมกันนั้นในปีนี้บริษัทมีแผนส่งเสริมรายได้ด้วยการแตกไลน์สินค้าในกลุ่ม Ready to eat โดยส่งสินค้าใหม่ คือ ผักสด ซึ่งในขณะนี้อยู่ในช่วงทดลองการเก็บรักษา และส่งขายตลาดในประเทศเป็นหลัก
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/66 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 903 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 699.9 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 94.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 30.4 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากกว่า 100% ทั้ง YoY และ QoQ เป็นไปตามทิศทางการเติบโตของยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากปริมาณวัตถุดิบรับเข้าสูงขึ้น
แม้ต้นทุนสูงขึ้นทั้ง ราคากระป๋อง และราคาวัตถุดิบ แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการได้ดี ด้วยการปรับปรุงสายการผลิต โดยพัฒนาโครงการ Biomass Steam Boiler 15T ทำให้บริษัทสามารถประหยัดต้นทุนพลังงานได้ดีขึ้น และในไตรมาสนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 9.6 ล้านบาท
"ผลจากการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายของสถานการณ์โควิดที่ส่งผลให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทเล็งเห็นถึงการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงาน และให้ความสำคัญกับการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ให้สามารถตอบโจทย์เป้าหมายความยั่งยืนทางธุรกิจ"
นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างติดตั้งเครื่อง Hydrolock Big Can ที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน เพิ่มคุณภาพในการผลิตสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้ถึง 30% และช่วยลดต้นทุนในการผลิต โดยจะเริ่มใช้งานจริงสิ้นเดือน พ.ค.66 นี้