บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยสำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-19 พ.ค.) มีแนวรับที่ 1,545 และ 1,530 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,575 และ 1,585 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/66 ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ของยูโรโซน จีดีพีไตรมาส 1/66 ของญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของจีน เช่น ยอดค้าปลีกและการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
โดยในรอบสัปดาห์นี้ (8-12 พ.ค.) แม้หุ้นไทยจะขยับขึ้นจากสัปดาห์ก่อน แต่ลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ หลังตลาดกลับมาเปิดทำการหลังช่วงวันหยุด โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อของต่างชาติและนักลงทุนสถาบัน ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะชะลอตัวลง ซึ่งทำให้เฟดมีแนวโน้มคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป ขณะที่หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับขึ้นมากสุด เนื่องจากมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากประเด็นการซื้อหุ้นคืนของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ ก่อนจะเผชิญแรงเทขายช่วงปลายสัปดาห์ ระหว่างรอติดตามการเลือกตั้งของไทย ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ รวมถึงประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีข้อสรุป
โดยในวันศุกร์ (12 พ.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,561.35 จุด เพิ่มขึ้น 1.83% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 53,460.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.59% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.44% มาปิดที่ระดับ 501.57 จุด